Your browser doesn’t support HTML5
ขณะนี้ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวบนเกาะโบราไกย์ (Boracay) แหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของฟิลิปปินส์ กำลังกังวลถึงอนาคตของพวกตน หลังจากทางการมะนิลาเตรียมใช้มาตรการแข็งขันในการลดปัญหามลพิษ
ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ของฟิลิปปินส์ บอกผ่านเว็บไซต์เมื่อเดือนที่แล้วว่า จะประกาศให้เกาะโบราไกย์ อยู่ภายได้กฎหมาย “สถานการณ์วิบัติ”
นอกจากจะสะท้อนถึงความเร่งด่วนแล้ว การประกาศให้เกาะแห่งนี้อยู่ใน “สถานการณ์วิบัติ” ยังสามารถเปิดทางให้รัฐให้เงินช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งร่วมถึงผู้ประกอบการด้วย
ในแผนแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รัฐบาลมะนิลาเตรียมที่จะปลูกต้นไม้เพิ่มบนเกาะโบราไกย์
แต่ความกังวลหลักๆ มาจากข้อมูลของสื่อภายในประเทศที่รายงานว่า เกาะแห่งนี้ที่เป็นรายได้นับพันล้านดอลลาร์ อาจจะถูกปิดเป็นเวลา 12 เดือน เพื่อให้ธรรมชาติฟื้นตัวจากปัญหาน้ำเสียและระบบจัดการสิ่งปฏิกูลที่ขาดการปรับปรุง
เกาะแห่งนี้ซึ่งมีพื้นที่ 10.3 ตารางกิโลเมตร อยู่ตอนกลางของประเทศฟิลิปปินส์ ความสวยงามทางธรรมชาติทำให้โบราไกย์ ถูกเปรียบเทียบกับเกาะบาหลีอันโด่งดังของอินโดนีเซีย และโบราไกย์ ยังเป็นที่ตั้งของโรงแรมนับร้อยแห่ง
อาจารย์มาเรีย เอลา อาเทียนซา จากมหาวิทยาลัย Philippines Diliman กล่าวว่า เกาะแห่งนี้เป็นจุดขายอันดับหนึ่งของอุตสาหกรรมท่องเทียวฟิลิปปินส์ ดังนั้นความไม่นอนที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้สร้างความเสียหายต่อภาคธุรกิจ
รายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็นร้อยละ 8.6 ของเศรษฐกิจ ฟิลิปปินส์ในปี พ.ศ. 2559 และเกาะโบราไกย์สร้างรายได้การท่องเที่ยว 1,076 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว เติบโต 15 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน
แม้รัฐบาลฟิลิปปินส์ยังไม่ได้สรุปว่าจะปิดเกาะแห่งนี้หรือไม่ ความกังวลในหมู่นักท่องเที่ยวทำให้การจองห้องที่โรงแรมหลายแห่งถูกยกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว
ที่ผ่านมา เกาะแห่งนี้ต้องรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้าเกินระดับที่เหมาะสมซึ่งควรอยู่ที่ 5 แสนรายต่อปี เมื่อปีที่แล้ว โบราไกย์เป็นแหล่งท่องเที่ยวของผู้มาเยือน 2 ล้านคน
หน่วยงานอนุรักษ์แนวปะการัง Global Coral Reef Alliance กล่าวว่า ปัญหาน้ำเสียและสิ่งปฏิกูลในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาสร้างความเสียหายต่อแนวปาการังและการประมง
นักอนุรักษ์ธรรมชาติ และนักวิเคราะห์เชื่อว่า หากรัฐบาลสามารถช่วยให้บาราไกย์กลับมาสะอาดอีกครั้งหนึ่งได้ เกาะแห่งนี้ จะกลายเป็นกรณีตัวอย่างที่อาจทำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นๆร่วมกันปกป้องรักษาสภาพแวดล้อม ก่อนที่จะสายเกินไปได้
(รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียงจากรายงานของ Ralph Jennings จากไทเป)