ผลการศึกษาชิ้นใหม่พบว่า วัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาและผลิตโดยบริษัท ไฟเซอร์ และบริษัท ไบโอเอนเท็ค ที่ต้องฉีด 2 เข็มนั้น มีประสิทธิภาพสูงถึงกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ในการป้องกันผู้รับยาไม่ให้ป่วยหนักจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ได้ถึง 6 เดือน
นักวิจัยจากไฟเซอร์และกลุ่มตัวแทนธุรกิจบริการดูแลสุขภาพ Kaiser Permanente ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ ทำการสังเกตการณ์ผู้ถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพของ Kaiser ในพื้นที่แคลิฟอร์เนียตอนใต้ตั้งแต่เดือนธันวาคมของปีที่แล้วจนถึงเดือนสิงหาคมของปีนี้ ก่อนจะจัดทำรายงานที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ The Lancet เมื่อวันจันทร์ ซึ่งเปิดเผยว่า วัคซีนของไฟเซอร์-ไบโอเอนเท็ค นั้นมีประสิทธิภาพสูงถึง 93 เปอร์เซ็นต์ในการต่อต้านเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน หลังได้รับการฉีดเข็มที่สองไปแล้ว
แต่นักวิจัยพบด้วยว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนในการต่อต้านการติดเชื้อโดยรวมนั้นลดลงมาอยู่ที่ 88 เปอร์เซ็นต์หลังฉีดเข็มสุดท้ายไปได้ 1 เดือน และลดลงเหลือ 47 เปอร์เซ็นต์หลังผ่านไป 6 เดือน
รายงานการศึกษาครั้งนี้ได้รับการเปิดเผยออกมาในวันเดียวกับที่ หน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจยาของสหภาพยุโรป (อียู) อนุมัติการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ของ ไฟเซอร์-ไบโอเอนเท็ค ให้กับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป โดยให้รัฐบาลของแต่ละประเทศสมาชิกเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะแนะนำให้ประชาชนของตนฉีดหรือไม่
ทั้งนี้ องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป กล่าวในแถลงการณ์ว่า วัคซีนบูสเตอร์ของไฟเซอร์นั้น “อาจมีการพิจารณาให้มีการฉีดได้สำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปและได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วอย่างน้อย 6 เดือน” พร้อมระบุว่า ผู้ที่มีปัญหาระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอรุนแรง ควรจะได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 จากไฟเซอร์ หรือ โมเดอร์นา หลังรับยาเข็มที่ 2 แล้วเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 28 วัน