Your browser doesn’t support HTML5
งานศึกษาวิจัยในเรื่องต้นกำเนิดของสุนัขที่มีมาในอดีตชี้แนะแหล่งกำเนิดในที่ต่างๆ กัน รวมทั้งตอนใต้ของจีน ตะวันออกกลาง ไซบีเรีย และยุโรป แต่งานวิจัยล่าสุดที่เพิ่งเผยแพร่ออกมาระบุว่า น่าจะเป็นเอเชียกลาง ซึ่งรวมถึงเนปาลและมองโกเลียด้วย
ไม่มีใครโต้แย้งว่า สุนัขยุคปัจจุบันสืบสายพันธุ์มาจากสุนัขป่าพันธุ์ grey wolf เมื่อราวๆ 15,000 ปีมาแล้ว แต่ที่ยังตกลงกันไม่ได้ก็คือ สุนัขที่เราเห็นทั่วไปไม่ว่าจะเป็นสุนัขเลี้ยงตามบ้าน หรืออยู่ข้างถนน มีต้นกำเนิดมาจากที่ไหน
Laura M. Shannon และ Adam R. Boyko ที่มหาวิทยาลัย Cornell และผู้ร่วมทีมงานในประเทศอื่นๆ ศึกษา DNA สามชนิดที่แตกต่างกันของสุนัขมากกว่า 4500 ตัวที่มาจากพันธุ์ต่างๆ 161 พันธุ์ และสุนัขตามหมู่บ้านหรือสุนัขข้างถนน 549 ตัวใน 38 ประเทศ
DNA สามชนิดที่นำมาศึกษา คือ Chromosomes ทั้งหมดในนิวเคลียสของแซลล์ Y Chromosomes และ mitochondria ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานนอกแซลล์
แม้ขนาดตัวอย่างสุนัขที่ศึกษานี้ไม่ใหญ่เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนสุนัขทั่วโลกที่ประมาณว่ามีมากถึงหนึ่งพันล้านตัว แต่นักวิทยาศาสตร์ในวงการสุนัขอย่าง Greger Larson ของมหาวิทยาลัย Oxford ในอังกฤษ ยกย่องว่าเป็นการศึกษาที่กว้างขวางครอบคลุม โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงสภาพทางภูมิศาสตร์ที่หลากหลายในการเก็บตัวอย่าง DNA ของสุนัขมาวิเคราะห์
ผลของการศึกษาชิ้นนี้สรุปความเห็นว่า ต้นกำเนิดของสุนัขอยู่ที่เอเชียกลาง ซึ่งรวมทั้งประเทศเนปาลและมองโกเลีย อย่างน้อยเมื่อประมาณ 15,000 ปีที่แล้ว
รายงานการศึกษานี้อยู่ใน Proceedings of the National Academy of Sciences เล่มล่าสุด
แต่ Adam Boyko ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ด้วยว่าอาจมีแหล่งกำเนิดสุนัขอย่างที่เรารู้จักกันในที่อื่นแล้วเหือดหายไป หรือเผยแพร่ไปถึงเอเชียกลาง ก่อนจะสืบสายถ่ายทอดต่อออกไปตามที่ต่างๆ
ในขณะเดียวกัน มีนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆที่ไม่เห็นด้วย อย่าง Robert Wayne จากมหาวิทยาลัย California วิทยาเขต Los Angeles หรือ UCLA ที่เสนอผลงานระบุต้นกำเนิดของสุนัขในยุโรปไว้เมื่อเกือบสองปีที่แล้ว โดยอาศัยการวิเคราะห์ DNA โบราณ
นักวิทยาศาสตร์ผู้นี้ไม่เห็นด้วยกับการใช้ DNA ของสุนัขในยุคปัจจุบัน ย้อนกลับไประบุต้นกำเนิดของสุนัขในอดีต
Greger Larson ของ Oxford ให้ความเห็นส่งท้ายว่า ต้นกำเนิดของสุนัขน่าจะมีความสับสนมากทีเดียว และคิดว่าแม้จะเพิ่มจำนวนสุนัขในการศึกษา ก็ยังอาจไม่ได้ผลสรุปที่ชัดเจน
พร้อมเสนอแนะว่าขั้นตอนต่อไปน่าจะเป็นการศึกษา DNA โบราณและสมัยใหม่ร่วมกัน