Your browser doesn’t support HTML5
การศึกษาฉบับใหม่พบว่า ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในบ้านที่มีลักษณะเฉพาะบางอย่าง เช่นบ้านที่ไม่มีบันได มีความจำเป็นในการย้ายที่อยู่อาศัยน้อยกว่าคนอื่นๆ
Marianne Granbom จากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกิ้นส์ ในบัลติมอร์ รัฐแมรี่แลนด์ และมหาวิทยาลัยลุนด์ ในประเทศสวีเดน ซึ่งเป็นหัวหน้าการศึกษาวิจัยครั้งนี้ กล่าวว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ไม่อยากย้ายไปอยู่ที่บ้านพักคนชรา และการช่วยผู้สูงอายุให้ใช้ชีวิตบั้นปลายในชุมชนที่สะดวกและปลอดภัยจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและช่วยในเรื่องค่ารักษาพยาบาล
แต่การที่จะส่งเสริมการใช้ชีวิตบั้นปลายในที่ที่ปลอดภัยนั้น เราจำเป็นต้องมองถึงสภาพแวดล้อมของที่อยู่อาศัยด้วย แทนที่มุ่งเน้นเรื่องปัญหาสุขภาพของแต่ละบุคคลเพียงอย่างเดียว
Granbom และเพื่อนร่วมงานได้วิเคราะห์ข้อมูลของชาวอเมริกันที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป จำนวน 7,197 คน ที่รวบรวมระหว่างปีค.ศ. 2011 ถึง ค.ศ. 2105 ในช่วงเวลาดังกล่าว 8% ของคนเหล่านั้น ย้ายที่อยู่ภายในชุมชน และ 4% ย้ายไปยังสถานบริการเช่นบ้านพักคนชรา โดยรวมแล้วผู้ที่อยู่ตัวคนเดียวมีรายได้ต่อปีต่ำกว่า และเข้าออกโรงพยาบาลในช่วงปีที่ผ่านมามีแนวโน้มที่จะย้ายที่อยู่อาศัยมากกว่า
นักวิจัยเผยข้อมูลในวารสาร Gerontology ว่าความไม่สะดวกสบายในการเคลื่อนไหวและการเข้าถึงพื้นที่ภายในตัวบ้านส่งผลให้ผู้คนย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ในชุมชน แต่ไม่เกี่ยวข้องกับย้ายไปอยู่ที่บ้านพักคนชรา
การมีบ้านชั้นเดียว หรือมีห้องครัว ห้องนอนและห้องน้ำในชั้นเดียวกัน เป็นคุณสมบัติที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างปลอดภัยมากที่สุด และที่อยู่อาศัยที่มีลิฟต์ หรือบันไดเลื่อนก็ช่วยให้ความสะดวกสบายแก่ผู้สูงอายุด้วยเช่นกัน
คุณ Granbom กล่าวต่อไปว่าสำหรับผู้สูงอายุการย้ายไปอยู่ในบ้านที่มีสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยขึ้น ช่วยชะลอความจำเป็นในการย้ายไปอยู่บ้านพักคนชราได้
การศึกษาพบว่ายิ่งผู้สูงอายุอาศัยอยู่ในบ้านหลังปัจจุบันของพวกเขานานเท่าไหร่ โอกาสที่จะย้ายที่ย้ายบ้านก็น้อยลงไปเท่านั้น การศึกษาในอนาคตอาจมองความผูกพันของผู้อยู่อาศัยที่มีต่อบ้านของตนเพื่อให้เข้าใจถึงความวุ่นวายและซับซ้อนในการตัดสินใจย้ายที่อยู่อาศัยได้ดีขึ้น