Your browser doesn’t support HTML5
นาง Michelle Obama สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐกำลังอยู่ในระหว่างการเยือนกรุงโตเกียว เพื่อเปิดตัวโครงการ ‘Let Girls Learn’ ที่กรุงโตเกียวร่วมกับสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของญี่ปุ่น นาง Akie Abe ภริยาของนายกรัฐมนตรี Shinzo Abe
สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐ กล่าวย้ำถึงความเป็นจริงที่ว่า มีเด็กหญิงทั่วโลกราวๆ 62 ล้านคน ที่อาจไม่มีโอกาสได้เข้าโรงเรียน ซึ่งนับเป็นการสูญเสียศักยภาพของมนุษย์อย่างใหญ่หลวง
นอกจากอาสาสมัครชาวญี่ปุ่นของโครงการ Japan Overseas Cooperation จะร่วมมือกับหน่วยสันติภาพสหรัฐอเมริกา หรือ Peace Corps ทำงานเพื่อส่งเสริมโอกาสการศึกษาให้กับเด็กหญิงตามโครงการนี้แล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นยังจะให้เงินสนับสนุนโครงการอีก 340 ล้านดอลลาร์ด้วย
ในอีกด้านหนึ่ง นายกเทศมนตรี Naomi Koshi ของเมือง Otsu ในญี่ปุ่น กล่าวยกย่องโครงการของนาง Michelle Obama และให้ความเห็นว่า ญี่ปุ่นเองก็มีปัญหาช่องว่างทางเพศที่ควรแก้ไขกันด้วย โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิงมีการศึกษา แต่ถ้าแต่งงานมีลูกแล้ว โอกาสจะได้ทำงานต่อไปมีน้อยมาก
รายงานของ World Economic Forum ในเรื่องช่องว่างระหว่างเพศปี ค.ศ. 2013 ซึ่งประเมินและจัดอันดับประเทศต่างๆ ในด้านเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษา และมาตรวัดทางด้านสุขภาพอนามัย จัดให้ญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 105 จาก 136 ประเทศ
และในขณะที่ญี่ปุ่นไม่มีช่องว่างในการศึกษา แต่ในสภาพการทำงานแล้ว ผู้หญิงญี่ปุ่นประสบปัญหาอย่างมากทั้งในด้านสถาบันและวัฒนธรรม เช่นการเลี้ยงลูกยังถือว่าเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้หญิง ในขณะที่สถานรับเลี้ยงดูเด็กอ่อนมีน้อยและราคาแพง ทำให้มากกว่า 60% ของผู้หญิงญี่ปุ่นต้องออกจากงานเพื่ออยู่บ้านเลี้ยงลูก
นักเศรษฐศาสตร์ Machiko Osawa ของสถาบันวิจัยเรื่องผู้หญิงและอาชีพของ Japan Women’s University บอกว่าด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติในวงการธุรกิจญี่ปุ่น
นักวิชาการผู้นี้บอกว่า บริษัทธุรกิจลงทุนมากในการฝึกอบรมลูกจ้างพนักงาน แต่ผู้หญิงมักจะต้องลาออกจากงาน ถ้าแต่งงานหรือมีลูก บริษัทธุรกิจจึงไม่อยากเสี่ยงจ้างผู้หญิง
ส่วนนายกเทศมนตรี Koshi บอกว่า เธอต้องตัดสินใจไม่แต่งงานหรือมีลูก ถ้าอยากจะแข่งขันในสังคมที่เต็มไปด้วยอิทธิพลของผู้ชาย
ช่องว่างทางเพศเช่นนี้ ยังทำให้เด็กญี่ปุ่นที่มีแม่เป็นผู้หาเลี้ยงคนเดียว โดยไม่มีพ่อ มีสภาพความเป็นอยู่ยากจนในอัตราสูง
นักต่อสู้เคลื่อนไหวเรื่องผู้หญิงในญี่ปุ่นให้ความเห็นว่า รัฐบาลสามารถช่วยได้ด้วยการจัดหาสถานรับเลี้ยงดูเด็กที่ราคาพอสมควร ทำให้กฎหมายเรื่องความเสมอภาคทางเพศมีเขี้ยวเล็บและบังคับใช้อย่างได้ผล รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่ชักจูงให้ผู้ชายเข้ามามีความรับผิดชอบในการเลี้ยงดูลูกด้วย
นายกรัฐมนตรี Shinzo Abe ให้คำมั่นไว้ว่าจะส่งเสริมบทบาทของผู้หญิงในการทำงานอาชีพ รวมทั้งปรับค่าจ้างแรงงานให้ด้วย เวลานี้ ผู้หญิงญี่ปุ่นได้รับเงินค่าจ้างน้อยกว่าผู้ชาย 30% แม้จะทำงานอย่างเดียวกันก็ตาม
นักเศรษฐศาสตร์ Machiko Osawa บอกว่าได้รับฟังคำมั่นของนายกรัฐมนตรี และกำลังจับตาดู แต่ยังไม่เห็นการกระทำตามที่พูดไว้