งานเข้า! โอบาม่าถูกวิจารณ์หนักหลังเข้าชมเบสบอลและเต้นแทงโก้ระหว่างเยือนอเมริกาใต้

U.S. President Barack Obama and his family react along with Cuban President Raul Castro to an exhibition baseball game in Cuba.

นักวิจารณ์บอกว่าผู้นำสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงความไม่รู้สึกรู้สาต่อการที่เบลเยี่ยมถูกโจมตีโดยกลุ่มก่อการร้าย

Your browser doesn’t support HTML5

Obama Tango

ปธน. บารัค โอบาม่า ตกเป็นเป้าหมายในการวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง หลังจากเข้าร่วมชมการแข่งขันเบสบอล และเต้นแทงโก้ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ ระหว่างการเดินทางเยือนอเมริกาใต้ในสัปดาห์นี้ ขณะที่เพิ่งเกิดเหตุการณ์โจมตีในกรุงบรัสเซลส์เมื่อ 2 วันที่แล้ว

ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ระเบิดฆ่าตัวตายที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวันอังคาร ปธน. บารัค โอบาม่า อยู่ระหว่างการเยือนคิวบาเป็นวันสุดท้าย แต่ ปธน.โอบาม่า ตัดสินใจไม่กลับประเทศในทันที และได้กล่าวปราศรัยต่อชาวคิวบาในวันนั้น นอกจากนี้ยังได้เข้าชมการแข่งขันเบสบอลในกรุงฮาวาน่า และร่วมเล่นสนุกด้วยการทำ “เวฟ” ร่วมกับ ปธน.ราอุล แคสโตร และแฟนเบสบอลในสนามด้วย

ต่อจากคิวบา ปธน.โอบาม่าเดินทางต่อไปยังอาร์เจนติน่า และได้ร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำกับ ปธน.อาร์เจนติน่า เมาริซิโอ มาครี่ ซึ่งในงานนี้ทั้ง ปธน.โอบาม่า และนางมิเชล โอบาม่า ได้ร่วมเต้นแทงโก้กับนักเต้นอาชีพที่ได้รับว่าจ้างให้มาแสดงในงานนี้ด้วย

บรรดานักวิจารณ์ต่างไม่รีรอที่จะโจมตี ปธน.โอบาม่า ในเรื่องนี้ โดยบอกว่าผู้นำสหรัฐแสดงให้เห็นถึงความไม่รู้สึกรู้สา ต่อการที่พันธมิตรของสหรัฐฯ ถูกโจมตีโดยกลุ่มก่อการร้าย

คุณริชาร์ด ฮาส ประธานของสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กล่าวว่าเรื่องนี้ถือเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวงของ ปธน.โอบาม่า การที่ ปธน.โอบาม่า ตัดสินใจเดินทางเยือนอเมริกาใต้ต่อนั้น เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่ก็ควรจะระมัดระวังเรื่องการแสดงออกต่อหน้าสาธารณชนในช่วงเวลาที่กำลังเกิดเรื่องร้ายแรงอยู่ โดยเฉพาะการสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับเบสบอลและการเต้นแทงโก้

ด้านผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันเพื่อชิงตำแหน่ง ปธน.สหรัฐฯ ไม่รอช้าเช่นกันที่จะฉกฉวยโอกาสนี้ โดย สว.รัฐเท็กซัส เท็ด ครู้ซ และผู้ว่าการรัฐโอไฮโอ จอห์น เคซิค ต่างเรียกร้องให้ ปธน.โอบาม่า ระงับการเยือนอเมริกาใต้แล้วกลับประเทศเพื่อรับมือต่อเหตุการณ์ระเบิดในกรุงบรัสเซลส์ทันที

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ปธน.โอบาม่า ถูกตำหนิในเรื่องการตอบสนองต่อเหตุการณ์ด้านความมั่นคง ตัวอย่างเช่นเมื่อปี ค.ศ. 2014 ซึ่งมีรายงานว่า ปธน.โอบาม่า ยังคงออกรอบตีกอล์ฟ หลังจากทราบข่าวกลุ่มรัฐอิสลามประหารชีวิตนักข่าวชาวอเมริกัน เจมส์ โฟลี่ย์ ด้วยการตัดคอ

นักวิจารณ์หลายคน รวมทั้งคุณชัคค์ วอร์เรน ที่ปรึกษาของคณะหาเสียงของพรรครีพับลิกัน บอกว่า ปธน.โอบาม่า มีลักษณะนิสัยเพิกเฉยหรือไม่ใส่ใจต่อเหตุการณ์ด้านความมั่นคงดังกล่าว และการกระทำที่แสดงออกมาชี้ให้เห็นว่า ปธน.โอบาม่า มิได้เอาจริงเอาจังต่อการปราบปรามกลุ่มรัฐอิสลาม ซึ่งอยู่เบื้องหลังการโจมตีประเทศตะวันตกหลายต่อหลายครั้ง

แต่ ปธน.โอบาม่า ได้ออกมาปฏิเสธเสียงตำหนิวิจารณ์เหล่านั้นระหว่างที่เยือนอาร์เจนติน่าในวันพุธ โดยบอกว่าการทำลายล้างกลุ่มรัฐอิสลามคือภารกิจอันดับหนึ่งของรัฐบาลสหรัฐฯ และว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องไม่แสดงให้เห็นว่าเรากำลังเกิดความกลัว

ที่ผ่านมา ปธน.โอบาม่า ซึ่งมีวาระการดำรงตำแหน่งจนถึงเดือน ม.ค ปีหน้า พยายามที่จะปรับสมดุลนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯ ให้ไปมุ่งเน้นที่ภูมิภาคอื่น เช่น เอเชียและอเมริกาใต้มากขึ้น แต่ทุกครั้งดูเหมือนวิกฤติการณ์ในตะวันออกกลางจะย้อนกลับมาเป็นจุดสนใจมากขึ้น

คุณอเล็กซ์ วอร์ด แห่งศูนย์ความมั่นคงระหว่างประเทศ Brent Scowcroft ของ Atlantic Council ชี้ว่าเรื่องนี้ยิ่งเน้นย้ำให้เห็นถึงความซับซ้อนของการรับมือปัญหาต่างๆทั่วโลกในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องยาก

แต่ก็ดูเหมือนเป็นสิ่งที่สหรัฐฯ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เมื่อมองในมุมของภูมิศาสตร์การเมืองโลกในปัจจุบัน!

(ผู้สื่อข่าว William Gallo รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)