ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า กล่าวในการปราศรัยแสดงสถานะของสหรัฐฯ ต่อที่ประชุมร่วมของรัฐสภา หรือ State of the Union ในคืนวันอังคารตามเวลาในสหรัฐฯ พูดถึงความก้าวหน้าในด้านต่างๆ ตลอดช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี รวมทั้งทิศทางของประเทศในอนาคต และการขจัดความแตกแยกทางการเมืองระหว่างสองพรรคใหญ่
ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและการสานต่องานในปีสุดท้าย
ประธานาธิบดีโอบาม่ากล่าวว่า ในปีสุดท้ายที่ตนดำรงตำแหน่ง ตนจะทำงานอย่างสุดความสามารถ ทั้งในด้านการปรับปรุงระบบคนเข้าเมือง การแก้ปัญหาความรุนแรงจากอาวุธปืน ตลอดจนการเพิ่มอัตราค่าจ้างและความเท่าเทียมด้ายรายได้ระหว่างชายหญิง
ในด้านเศรษฐกิจ ปธน.โอบาม่ากล่าวว่าสหรัฐฯได้ฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงที่สุดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และเศรษฐกิจสหรัฐฯยังสามารถยืนหยัดท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจประเทศต่างๆ จนขณะนี้อเมริกาได้กลับมายืนเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลกได้อีกครั้ง
ปธน.โอบาม่าเน้นย้ำถึงความก้าวหน้าที่ตนได้ทำไว้ตั้งแต่รับตำแหน่งผู้นำประเทศเมื่อปี ค.ศ 2009 รวมถึงอัตราการว่างงานที่ลดลงอยู่ที่ระดับ 5% ในปัจจุบัน และการสร้างงานใหม่ 14 ล้านตำแหน่ง
รวมถึงราคาน้ำมันที่ลดลงเหลือไม่ถึงแกลลอนละ $2 ในปัจจุบัน
ทิศทางนโยบายต่างประเทศ
ปธน.โอบาม่ากล่าวว่า ภารกิจสำคัญที่สุดในปีนี้และปีต่อๆไป คือการปกป้องประชาชนอเมริกันจากกลุ่มก่อการร้าย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอัลไคยด้าหรือกลุ่มรัฐอิสลาม
อย่างไรก็ตาม ปธน.โอบาม่าได้เตือนไปยังผู้ที่คิดว่า การก่อการร้ายที่เกิดขึ้นทั่วโลกกำลังนำพาโลกเข้าสู่ "สงครามโลกครั้งที่สาม" ว่าเป็นเรื่องที่เกินจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ก่อการร้ายนำมาใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อรับสมัครสมาชิก และเผยแพร่แนวคิดแห่งความชั่วร้าย
ประเด็นด้านการก่อการร้ายถือเป็นประเด็นสำคัญที่ถูกนำมาใช้ในการหาเสียงของผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐปลายปีนี้
ที่ผ่านมา บรรดาผู้สมัครจากรีพับลิกัน ต่างโจมตีว่า ปธน.โอบาม่า ไม่เคยมีนโยบายที่ชัดเจนและจริงจัง เกี่ยวกับการปราบปรามกลุ่มรัฐอิสลามในตะวันออกกลาง
ขจัดความแตกแยกทางการเมืองในสหรัฐฯ
ในการปราศรัยครั้งนี้ ปธน.โอบาม่าได้กล่าวไปถึงบรรดาผู้สมัครของพรรครีพับลิกันว่า "อเมริกาไม่ควรเกรงกลัวอนาคต" เพราะที่ผ่านมาอเมริกาสามารถเอาชนะปัญหาและความกลัวต่างๆมาได้ ไม่ว่าหนักหนาสาหัสแค่ไหน
ปธน.โอบาม่ากล่าวว่าการพยายามสร้างความกลัวการก่อการร้ายและกลัวชาวมุสลิม ให้กับคนอเมริกันนั้นไม่ได้ช่วยอะไร แต่ยิ่งทำให้ปัญหาเลวร้ายยิ่งขึ้น ทำให้สหรัฐฯถูกมองในแง่ลบจากประเทศอื่น และขัดแย้งกับสิ่งที่สหรัฐฯเป็น
ความสำเร็จบนเวทีโลก
ปธน.โอบาม่าใช้โอกาสการกล่าวปราศรัยครั้งนี้ กล่าวถึงความสำเร็จบนเวทีโลกในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการรับรองข้อตกลงการค้าเสรี Trans-Pacific Partnership (TPP) การสานสัมพันธ์ทางการทูตกับคิวบา การหยุดยั้งการระบาดของเชื้ออีโบล่าในอาฟริกา แและการบรรลุข้อตกลงด้านนิวเคลียร์กับอิหร่าน
นอกจากนี้ ปธน.โอบาม่ายังขอให้รัฐสภาเร่งรับรองการสนับสนุนมาตรการปิดเรือนจำอ่าวกวนตานาโมในคิวบา ก่อนที่ตนจะพ้นจากตำแหน่งเมื่อสิ้นปีนี้ด้วย
(ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียงรายงานจากห้องข่าววีโอเอ)