ประธานาธิบดี Barack Obama ประกาศให้เดือนมกราคมเป็นเดือนแห่งการป้องกันต่อต้านการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานเยี่ยงทาส และยืนยันคำมั่นที่จะต่อต้านการกระทำดังกล่าว โดยอาศัยการทำงานทั้งของหน่วยงานรัฐบาล และความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับภาคเอกชน
ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานเยี่ยงทาสที่ทำเนียบ White House รัฐมนตรี John Kerry ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เรียกการค้ามนุษย์ว่าเป็นอาชญากรรมมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
และว่าการรณรงค์ต่อต้านการกระทำดังกล่าวเป็นภาระหน้าที่ทางศีลธรรม เป็นปัญหาทางด้านความมั่นคงของชาติ และเป็นที่เรื่องที่จะต้องเอาชนะให้ได้
รัฐมนตรี Kerry กล่าวไว้ด้วยว่า ในแต่ละปีมีคนมากกว่า 20 ล้านคนที่ถูกบังคับให้ทำงานเยี่ยงทาส แต่สามารถระบุตัวคนเหล่านี้ได้เพียง 1% เท่านั้น
ทำเนียบ White House จัดทำรายการปฏิบัติงานที่ให้ความสำคัญในการรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานเยี่ยงทาส ซึ่งรวมถึงการทำให้หลักนิติธรรมในเรื่องนี้เข้มแข็งมากขึ้น จัดเงินทุนสำหรับการให้บริการผู้รับเคราะห์ ป้องกันการค้ามนุษย์ในบริษัทธุรกิจที่ได้สัญญารับเหมางานกับรัฐบาล และในโซ่อุปทานของภาคเอกชน รวมทั้งให้การศึกษาแก่สาธารณชนในเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้น
โครงการใหม่อันหนึ่งในรายการปฏิบัติงานดังกล่าว คือการเพิ่มการคุ้มครองให้คนรับใช้ทำงานตามบ้านเจ้าหน้าที่ทางการทูตต่างประเทศในกรุงวอชิงตัน โดยให้คนเหล่านั้นไปขึ้นทะเบียนกับทางการสหรัฐด้วยตนเอง
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยังมีแผนจะขยายโครงการดังกล่าว ให้ครอบคลุมคนรับใช้ตามบ้านของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานตามองค์กรระหว่างประเทศทั่วสหรัฐด้วย
ในด้านที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์โดยตรง รายงาน Trafficking in Persons ประจำปี ค.ศ. 2015 ของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เผยแพร่ออกมาในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ระบุประเทศเม็กซิโกว่าเป็นทั้งแหล่งที่มาและจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กที่ถูกนำตัวไปค้าขายเพื่อจุดประสงค์ทางเพศและการบังคับใช้แรงงานเยี่ยงทาส
นาง Loretta Lynch รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ กล่าวว่าทางกระทรวงฯและกระทรวงความมั่นคงของประเทศ ได้ร่วมมือทำงานกับทางการเม็กซิโก เพื่อส่งเสริมสมรรถนะในการสืบสวน และการดำเนินคดีต่อเครือข่ายการค้ามนุษย์ข้ามพรมแดน
รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2009 เป็นต้นมา ความร่วมมือระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโก ได้ช่วยให้สหรัฐฟ้องร้องดำเนินคดีกับนักค้ามนุษย์มากกว่า 170 ราย ในเม็กซิโกมากกว่า 40 ราย และมีอีก 8 คนที่เม็กซิโกส่งตัวไปให้สหรัฐดำเนินคดี
แต่ที่สำคัญคือได้ให้ความช่วยเหลือผู้รับเคราะห์มากกว่า 200 คน โดยมีที่เป็นเด็กมากกว่า 20 คน
กฎหมายสหรัฐกำหนดให้กระทรวงการต่างประเทศ จัดทำรายงาน Trafficking in Persons เป็นประจำทุกปีมาตั้งแต่ ค.ศ. 2001 รายงานนี้กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำที่แต่ละประเทศจะต้องมีและปฏิบัติ เพื่อกำจัดการค้ามนุษย์
ผู้เชี่ยวชาญบางรายวิพากษ์ตำหนิรายงานฉบับปีที่แล้วว่า ไม่มีวิธีการประเมินการปฏิบัติตามอย่างเสมอหน้ากัน ตัวอย่างเช่นประเทศคิวบา ซึ่งถูกจัดว่าเป็นประเทศที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานดังกล่าวมาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว กลับได้รับการปรับเพิ่มระดับในรายงานปีที่แล้ว
นักต่อสู้เคลื่อนไหวทางด้านสิทธิมนุษยชนบางราย คาดว่าการปรับเพิ่มระดับให้คิวบามีพื้นฐานมาจากเหตุผลทางการเมืองของสหรัฐ
อีกตัวอย่างหนึ่งที่ใกล้บ้านเรา คือการปรับเพิ่มระดับให้มาเลเซียในรายงานฉบับเดียวกันนี้
มาเลเซียเป็นประเทศหนึ่งในเอเชียที่ร่วมการเจรจาเพื่อจะทำข้อตกลงการค้า Trans-Pacific Partnership (TPP) กับสหรัฐ ดังนั้นถ้าไม่ยกระดับมาเลเซีย กฎหมายสหรัฐจะไม่อนุญาตให้สหรัฐร่วมทำความตกลงดังกล่าวได้