ผู้ว่ารัฐนิวยอร์ก แอนดรูว์ คูโอโม กล่าวในวันอาทิตย์ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในรัฐนิวยอร์กลดลงมาอยู่ที่ระดับ 367 คน ในวันเสาร์ ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 332 คน
เวลานี้ทั่วรัฐนิวยอร์กมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 280,000 คน เสียชีวิตแล้วกว่า 22,000 คน ขณะที่ทั่วประเทศมีผู้ติดเชื้อกว่า 960,000 คน เสียชีวิตแล้วกว่า 54,000 คน
เมื่อวันเสาร์ ผู้ว่าคูโอโมกล่าวว่า อีกไม่นานชาวนิวยอร์กจะสามารถตรวจหาเชื้อโคโรนาไวรัสได้ตามร้านขายยาต่าง ๆ ราว 5,000 แห่ง โดยตั้งเป้าว่าจะสามารถแจกชุดตรวจ วันละ 40,000 ชุดให้กับร้านขายยา คลินิก และโรงพยาบาลทั่วรัฐนิวยอร์ก
ขณะเดียวกัน รัฐจอร์เจียทางใต้ของสหรัฐฯ ถูกวิจารณ์อย่างหนักหลังจากประกาศยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยอนุญาตให้ธุรกิจต่าง ๆ เปิดดำเนินการได้ "แบบจำกัด" ก่อนที่ยกเลิกการควบคุมทั้งหมดในวันที่ 30 เมษายนนี้ แม้จะมีคำเตือนจากเจ้าหน้าที่ในรัฐดังกล่าวหลายคนว่า อาจทำให้เกิดการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19
นอกจากรัฐจอร์เจียแล้ว รัฐโอกลาโฮมา รัฐฟลอริดา และรัฐเซาธ์แคโรไลนา ก็เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ในรัฐตนเองแล้วเช่นกัน
ขณะที่ชายหาดหลายแห่งในรัฐฟลอริดาและแคลิฟอร์เนีย ต่างมีผู้คนจำนวนมากไปท่องเที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
อีกด้านหนึ่ง สำนักงบประมาณรัฐสภาสหรัฐฯ ระบุว่า ความเสียหายทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จากการระบาดใหญ่ครั้งนี้จะมีต่อเนื่องไปถึงปีหน้า และคาดว่ารัฐบาลอเมริกันจะขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าในปีนี้ คือจาก 1 ล้านล้านดอลลาร์ เป็น 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่อัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นเป็น 16% ในเดือนกันยายน จากระดับเพียง 3.5% ในเดือนกุมภาพันธ์ และเชื่อว่าจะอยู่ในระดับเกิน 10% ไปจนถึงปลายปีหน้า
เมื่อวันศุกร์ ปธน.ทรัมป์ ลงนามในมาตรการช่วยเหลือธุรกิจขนาดย่อมมูลค่า 484 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ มูลค่ารวม 3 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อฟื้นฟูประเทศจากการระบาดของโควิด-19 ครั้งนี้