Your browser doesn’t support HTML5
เมื่อวันอังคาร นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กล่าวเปิดการประชุมใหญ่ครั้งที่แปดของพรรคแรงงานซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของเกาหลีเหนือ โดยยอมรับว่าการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในช่วงห้าปีที่ผ่านมาไม่ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย และบรรดานักวิเคราะห์ก็กำลังจับตามองเครื่องบ่งชี้เกี่ยวกับแนวนโยบายต่างประเทศของเกาหลีเหนือจากการประชุมครั้งนี้ด้วย
โดยระหว่างการประชุมใหญ่ครั้งที่แปดของพรรคแรงงานเกาหลีเหนือที่กรุงเปียงยางเมื่อวันอังคาร นายคิม จอง อึน กล่าวต่อตัวแทนของพรรคนับหมื่นคนที่เข้าร่วมประชุมโดยไม่มีใครสวมหน้ากากหรือเว้นระยะห่างระหว่างกัน ยอมรับเรื่องความล้มเหลวของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในช่วงห้าปีที่ผ่านมา
ผู้นำเกาหลีเหนือกล่าวว่า เป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ไม่ประสบความสำเร็จในแทบทุกด้าน และว่าช่วงห้าปีที่ผ่านมานี้เป็นเวลาที่เลวร้ายที่สุดสำหรับเกาหลีเหนือ และสมควรที่ประเทศจะต้องเสริมสร้างพลังและขีดความสามารถในการพึ่งพาตนเองขึ้นมา
การประชุมใหญ่ของพรรคแรงงานเกาหลีเหนือในสัปดาห์นี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อกำหนดเป้าหมายด้านนโยบายของประเทศในช่วงห้าปีต่อจากนี้ไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เกาหลีเหนือกำลังประสบปัญหาท้าทายหลายด้านด้วยกัน นับตั้งแต่ปัญหาเศรษฐกิจจากมาตรการลงโทษของนานาชาติสืบเนื่องจากโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเอง รวมทั้งปัญหาน้ำท่วมใหญ่และมาตรการควบคุมโควิด-19 ซึ่งทำให้สถานการณ์ทุกด้านดูจะเลวร้ายลง
หน่วยงาน Fitch Solutions ประมาณว่า เศรษฐกิจของเกาหลีเหนือเมื่อปีที่แล้วหดตัวลงอย่างน้อย 8.5% โดยเหตุผลส่วนหนึ่งมาจากการปิดพรมแดนด้านที่ติดกับจีนตั้งแต่ต้นปีที่แล้วหลังการเริ่มระบาดของโควิด-19
นอกจากนั้นเว็บไซต์ข่าว NK News ในเกาหลีใต้ ยังรายงานว่ามีปัญหาการขาดแคลนอาหารอย่างหนักในกรุงเปียงยาง อย่างเช่น น้ำตาล น้ำมันปรุงอาหาร และยาสีฟัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในร้านค้าซึ่งชนชั้นนำของเกาหลีเหนือไปจับจ่ายสินค้าด้วย
แต่ถึงแม้จะมีมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด เกาหลีเหนือก็ยืนยันว่าไม่มีใครที่ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ ซึ่งก็เป็นคำกล่าวอ้างที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพกล่าวว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ขณะนี้เกาหลีเหนือเป็นประเทศที่มีความเปราะบางต่อการระบาดของเชื้อโควิด-19 เป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดแล้ว ระบบสาธารณสุขของเกาหลีเหนือก็ยังล้าสมัยและขาดแคนทรัพยากรเป็นอย่างมากด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้นำของเกาหลีเหนือได้กล่าวว่าการรับมือกับโรคระบาดใหญ่นี้เป็นภารกิจสำคัญเร่งด่วนที่สุดและเป็นเรื่องของความอยู่รอดแห่งชาติด้วย และจากปัญหาเรื่องการรับมือกับโควิด-19 นักวิเคราะห์หลายคนจึงเชื่อว่ายังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเกาหลีเหนือจะสามารถทำอะไรได้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว
เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว คณะกรรมการกลางของพรรคแรงงานเกาหลีเหนือได้ยอมรับมาก่อนแล้วว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต้องล่าช้าออกไปอย่างน่าวิตกจากสถานการณ์ร้ายแรงทั้งภายในและภายนอกประเทศ
คุณ Lim Eul Chul จากสถาบันศึกษาเอเชียตะวันออกไกลในกรุงโซล ตั้งข้อสังเกตว่า ไม่ว่าคำพูดของนายคิม จอง อึน จะเป็นการยอมรับเรื่องความล้มเหลวของการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างแท้จริงหรือไม่ก็ตาม แต่การกล่าวในลักษณะนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาสำหรับบริบทในสังคมและสำหรับผู้นำเกาหลีเหนือเองด้วย
นอกจากเรื่องปัญหาการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศแล้ว ขณะนี้นักวิเคราะห์ระหว่างประเทศก็กำลังจับตามองสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับทิศทางด้านนโยบายต่างประเทศของเกาหลีเหนืออยู่ เพราะเท่าที่ผ่านมาเปียงยางมักจะทดลองระบบอาวุธที่สำคัญในช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านอำนาจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่ออวดขีดความสามารถทางทหารและเพื่อพยายามสร้างฐานะที่เป็นต่อในการเจรจากับรัฐบาลชุดใหม่ที่กรุงวอชิงตัน
และเกี่ยวกับเรื่องนี้ อาจารย์ Leif Eric Easley จากมหาวิทยาลัย Ewha ในกรุงโซล ชี้ว่าขณะนี้นักวิเคราะห์ยังคงมีความเห็นเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายที่มีความหวังในแง่ดีก็จะพยายามมองหาสัญญาณบ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือพร้อมที่จะสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดน หรือการกล่าวถึงโอกาสการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกับเกาหลีใต้ รวมทั้งการเปิดรับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในช่วงเวลาของการระบาดใหญ่นี้ เป็นต้น
ในขณะที่ผู้มองการณ์ในแง่ร้ายก็เชื่อว่า นายคิม จอง อึน จะเน้นการสร้างแสนยานุภาพทางทหาร การใช้ระบบสังคมนิยมเพื่อพึ่งพาตนเอง และการปราบปรามผู้เห็นต่างจากรัฐบาลอยู่ต่อไป
การประชุมใหญ่ครั้งที่แปดของพรรคคนงานเกาหลีเหนือที่กรุงเปียงยางครั้งนี้จะใช้เวลาหลายวัน และในคำปราศรัยเปิดการประชุมเมื่อวันอังคาร นายคิม จอง อึน ยังไม่ได้กล่าวถึงสหรัฐฯ เกาหลีใต้ หรือเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของตนแต่อย่างใด