สหรัฐฯ-เกาหลีใต้ ยืดซ้อมรบ หลังโสมแดงเดินหน้าทดสอบยิงขีปนาวุธ

Television screens show a news report about the latest North Korean missile launch with file footage of a North Korean missile test, at an electronic market in Seoul, South Korea, Nov. 3, 2022.

เกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธหลายลูกลงทะเลในวันพฤหัสบดี ซึ่งเชื่อกันว่า มีขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) รวมอยู่ด้วย โดยการเดินหน้าแผนงานดังกล่าวของกรุงเปียงยางส่งผลให้สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ตัดสินใจยืดระยะเวลาโครงการซ้อมรบทางอากาศออกไปอีกระยะทันที ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์

การยิงทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือเกิดขึ้นเพียง 1 วัน หลังกรุงเปียงยางทำสถิติยิงขีปนาวุธออกมาถึง 23 ลูกภายใน 1 วัน โดยมีบางลูกตกลงไปในพื้นที่ชายฝั่งของเกาหลีใต้เป็นครั้งแรก และทำให้กรุงวอชิงตัน กรุงโซล และกรุงโตเกียวออกมาประณามกันทันที

นับตั้งแต่วันจันทร์มา เกาหลีใต้และสหรัฐฯ ได้ทำการซ้อมรบทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุด โดยมีเครื่องบินรบหลายร้อยลำจากทั้งสองเข้าร่วม ซึ่งรวมถึงเครื่องบินรบ F-35 ทำการซ้อมรบเสมือนจริงตลอด 24 ชั่วโมง

หลังการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปโดยเกาหลีเหนือในวันพฤหัสบดี พันธมิตรทั้งสองตกลงที่จะยืดระยะเวลาการซ้อมรบออกจากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในวันศุกร์นี้ ตามแถลงการณ์ของกองทัพอากาศเกาหลีใต้

แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า “ความร่วมมือด้านการป้องกันอย่างเข้มแข็งของพันธมิตรสาธารณรัฐเกาหลี-สหรัฐอเมริกา คือ สิ่งจำเป็นภายใต้วิกฤตด้านความมั่นคงในปัจจุบันซึ่งยกระดับขึ้น เนื่องจากการยั่วยุของเกาหลีเหนือ”

U.S. Air Force EA-18 fighter jets take part in Vigilant Storm joint South Korean and U.S. air drills at an airbase in Osan, South Korea, November 2, 2022.

ขณะเดียวกัน ในช่วงค่ำของวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น ปั๊ก จอง ชอน เลขาธิการคณะกรรมาธิการกลางของพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของเกาหลีเหนือ กล่าวว่า สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ได้ทำการตัดสินใจที่อันตรายอย่างมาก ด้วยการยืดระยะเวลาการซ้อมรบ ซึ่งเป็นการ “ผลัก” ให้สถานการณ์ออกไปเหนือการควบคุมแล้ว

ปั๊ก ยังระบุในแถลงการณ์ซึ่งสื่อ KCNA ของรัฐบาลเปียงยางนำเสนอออกมาด้วยว่า “สหรัฐฯ และเกาหลีจะพบว่า ตนทำผิดพลาดอย่างมหันต์ ซึ่งจะไม่มีทางแก้ไขได้ด้วย”

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การที่เกาหลีใต้และสหรัฐฯ ส่งเครื่องบินล่องหนขึ้นทำการซ้อมการโจมตีเสมือนจริงนั้น น่าจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธมากเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์นี้ และกรุงเปียงยางอาจเดินหน้าทดสอบขีปนาวุธหนักขึ้นไปอีก ก่อนจะทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ที่หลายฝ่ายคาดว่า จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

สำหรับประเด็นการยิงทดสอบขีปนาวุธ ICBM ในวันพฤหัสบดีนั้น เจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีใต้และญี่ปุ่นต่างรายงานว่า ขีปนาวุธอย่างน้อย 1 ลูกที่เกาหลีเหนือยิงออกมาเป็นแบบพิสัยไกลข้ามทวีป ซึ่งเป็นอาวุธที่มีความสามารถบินได้ไกลที่สุดของเปียงยางและได้รับการออกแบบมาเพื่อติดหัวรบนิวเคลียร์ด้วย

สื่อยอนฮัพ รายงานว่า เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้เชื่อว่า ขีปนาวุธ ICBM นั้นตกลงก่อนถึงเป้าที่วางไว้ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติม ขณะที่ โฆษกของกระทรวงที่เกี่ยวข้องของทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่นต่างปฏิเสธที่จะยืนยันประเด็นนี้ด้วย

หลังตรวจพบว่า เกาหลีเหนือทำการยิงทดสอบขีปนาวุธอีกครั้ง โดยมีการยิง ICBM ออกมาด้วย รัฐบาลกรุงโตเกียวเร่งออกคำเตือนว่า ขีปนาวุธข้ามทวีปที่ว่าจะบินผ่านเกาะญี่ปุ่น ตามมาด้วยระบบเตือนภัยประชาชนในจังหวัดมิยากิ ยามากาตะ และนีกาตะ ให้อยู่แต่ในอาคารบ้านเรือนเพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ก่อนที่จะออกมาประกาศยอมรับว่า การประเมินสถานการณ์ในเบื้องต้นนั้นไม่ถูกต้อง

อย่างไรก็ดี โช ฮยุน-ดง ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ และ เวนดี เชอร์แมน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ต่างร่วมประณามการที่เกาหลีเหนือเดินหน้ายิงทดสอบขีปนาวุธโดยไม่หยุดหย่อนว่า เป็นสิ่งที่ “ทั้งน่าตำหนิและชั่วร้าย” ระหว่างที่ทั้งสองร่วมพูดคุยทางโทรศัพท์ ตามรายงานของกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้

นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ แห่งญี่ปุ่น กล่าวด้วยว่า “การยิงทดสอบขีปนาวุธซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเกาหลีเหนือ เป็นท่าทีอันก้าวร้าวและไม่สามารถให้อภัยได้เลย”

แต่ จ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน พยายามไม่ออกความเห็นโดยตรงเกี่ยวกับประเด็นนี้ระหว่างการแถลงข่าวประจำวันในวันพฤหัสบดี และกลับพูดย้ำเพียงว่า กรุงปักกิ่งหวังว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะหาทางออกอันสันติได้ภายการเจรจา

  • ที่มา: รอยเตอร์