สหรัฐฯ ยืนยัน เกาหลีเหนือยังไม่มีท่าทีทดสอบอาวุธก่อน 'ไบเดน' รับตำแหน่ง

A man watches a TV screen showing a file image of North Korea's missile launch during a news program at the Seoul Railway Station in Seoul, South Korea, Sunday, March 29, 2020. North Korea on Sunday fired two suspected ballistic missiles into the…

เมื่อวันอังคาร พลเอกโรเบิร์ต อับรามส์ ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้ ระบุว่า เกาหลีเหนือยังไม่แสดงท่าทียั่วยุต่อการที่สหรัฐฯ กำลังจะมีรัฐบาลชุดใหม่ ท่ามกลางความกังวลว่าเกาหลีเหนืออาจทดลองยิงขีปนาวุธหรืออาวุธอื่นๆ ในเร็ววันนี้ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม พลเอกอับรามส์ ระบุว่า การประเมินสถานการณ์นี้เป็นการประเมินตามปัจจุบัน และ “อาจเปลี่ยนแปลงได้ในสัปดาห์หน้า”

ทั้งนี้ เกาหลีเหนือมักทดสอบอาวุธครั้งสำคัญ รวมถึงทดสอบขีปนาวุธหรืออาวุธนิวเคลียร์ ในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่านประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อแสดงออกถึงศักยภาพทางทหารและสร้างข้อได้เปรียบในการเจรจจากับรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือมีท่าทีนิ่งเงียบตั้งแต่ว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้ง โดยเกาหลีเหนือให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการปิดพรมแดนเพื่อสกัดการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ การถูกลงโทษจากนานาประเทศ และน้ำท่วมครั้งใหญ่ล่าสุด

North Korea missile

เมื่อเดือนตุลาคม เกาหลีเหนือเดินขบวนพาเหรดกองทัพ เผยถึงขีปนาวุธข้ามทวีปลูกใหญ่ล่าสุด ที่เหมือนออกแบบมาเพื่อเอาชนะขีปนาวุธของสหรัฐฯ มีการตั้งข้อสังเกตว่า เกาหลีเหนืออาจทดลองขีปนาวุธนี้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

พลเอกอับรามส์ ระบุว่า สหรัฐฯ จับตามองเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิดในช่วงการประชุมสภาครั้งที่แปดที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งอาจมีการประกาศนโยบายทั้งในประเทศและต่างประเทศของเกาหลีเหนือ

เขายังกล่าวด้วยว่า สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ เตรียมการตอบสนองต่อนโยบายของเกาหลีเหนือไว้หลายรูปแบบ โดยรับมือกับสถานการณ์แต่ละครั้งด้วยการ “วิเคราะห์อย่างรอบคอบ” และ “ตอบสนองอย่างเหมาะสม” และบางครั้ง การตอบโต้ที่ดีที่สุดคือการไม่ต้องทำอะไร

คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กล่าวเมื่อปีที่แล้วว่า เขาไม่รู้สึกมีพันธะต่อการหยุดทดสอบนิวเคลียร์หรือขีปนาวุธพิสัยไกลอีกต่อไป ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจทำให้เกิดความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม นับแต่นั้นมา เกาหลีเหนือก็ได้ทดสอบขีปนาวุธพิสัยใกล้เท่านั้น แม้การทดสอบหลายครั้งจะขัดต่อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ไม่ให้ความสำคัญต่อการทดสอบขีปนาวุธเหล่านี้เท่าที่ควร

ผู้นำเกาหลีเหนือและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยพบกันสามครั้ง รวมถึงการพบกันในการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ ที่สิงคโปร์เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2018 ซึ่งเป็นการประชุมสุดยอดร่วมกันครั้งแรกของผู้นำทั้งสองประเทศ

โดยผลการประชุมครั้งนั้น มีการลงนามในข้อตกลงที่ระบุอย่างกว้างๆ ถึงการร่วมมือปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลี และพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี อย่างไรก็ตาม การเจรจาของทั้งสองประเทศหลังจากนั้นกลับไม่ประสบความสำเร็จ

ว่าที่ ปธน. ไบเดนระบุว่า เขาไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะพบกับผู้นำเกาหลีเหนือแบบซึ่งหน้า แต่หวังว่าการพูดคุยนั้นจะเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาในระดับทำงานมากกว่า

ทั้งนี้ ไบเดนเคยช่วยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ดูแลนโยบาย “อดทนอย่างมียุทธศาสตร์” ต่อเกาหลีเหนือ เขายังวิจารณ์การที่ ปธน.ทรัมป์ เข้าหาผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือเป็นการส่วนตัว ว่ายุทธศาสตร์นี้ไม่มีประสิทธิผล และเป็นการเรียกความสนใจจากสื่อมากกว่าเป็นการจัดการเรื่องนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนืออย่างตรงประเด็น

ทั้งนี้ ในช่วงการหาเสียง ไบเดนมักเรียกคิมว่าเป็น “อันธพาล” “ทรราชย์” และ “เผด็จการ” ในขณะที่สื่อทางการของเกาหลีเหนือก็เรียกไบเดนว่าเป็น “คนปัญญาอ่อน” “คนโง่ไอคิวต่ำ” และ “สุนัขบ้า”