คำในข่าว – โล่งอกไปทีกับ “relief” หลังคนไทยทยอยรับเช็คเยียวยาโควิด-19 ในสหรัฐฯ

Stimulus payments

คำในข่าวสัปดาห์นี้ เกาะติดชีวิตคนไทยในอเมริกา หลังทยอยได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ สู้วิกฤตโควิด-19 พร้อมคำศัพท์ว่าด้วยความโล่งอกโล่งใจ ติดตามได้จากคุณนีธิกาญจน์ กำลังวรรณ

Your browser doesn’t support HTML5

Newsy Vocabs

ตอนนี้ผู้ที่มีถิ่นพำนักในอเมริกา กว่า 80 ล้านคน เริ่มยิ้มออก หลังจากได้รับเงินช่วยเหลือจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ (Economic Impact Payment) จากวิกฤติการระบาดของไวรัสโควิด – 19 โดยทางกรมสรรพากรของสหรัฐฯ ได้โอนเงินดังกล่าวโดยตรงเข้าบัญชีธนาคารของผู้เสียภาษีในช่วงสองปีล่าสุดแล้ว

วีโอเอไทย พูดคุยกับคุณชนกาณ ประจันตวนิช พนักงานคาสิโนวัย 35 ปี ที่อาศัยในนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่บอกว่าทั้งเธอและคู่สมรสชาวไทย-อเมริกัน ได้รับเงินช่วยเหลือรวมกัน 2,400 ดอลลาร์ หรือราว 77,900 บาท โดยบอกว่าเงินช่วยเหลือจากรัฐนั้นเพียงพอ และวางแผนจะเก็บเงินส่วนนี้ไว้ หลังจากก่อนหน้านี้เธอได้รับเงินช่วยเหลือจากกรมพัฒนาการจ้างงาน (Employment Development Department) สำหรับผู้ที่ชั่วโมงการทำงานได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสอีกก้อนหนึ่งแล้ว

ส่วนคุณมัชฌิมา บัทเทิน นักเรียนและโปรแกรมเมอร์พาร์ทไทม์วัย 29 ปีจากเมืองเมลเบิร์น รัฐฟลอริดา และสามีชาวอเมริกัน ก็ได้รับเงินช่วยเหลือรวมกัน 2,400 ดอลลาร์เช่นกัน ซึ่งเธอวางแผนจะนำเงินครึ่งหนึ่งไปปรับปรุงบ้านและอีกครึ่งหนึ่งจะเก็บออม และว่าเงินจำนวนนี้ช่วยให้เธอ “หายใจคล่องขึ้น” สำหรับการใช้ชีวิตในเมืองที่มีค่าครองชีพไม่สูงมากนัก

อีกด้านหนึ่ง คุณซอนญา ปิติวรรณ แม่บ้านวัย 34 ปี จากนครลอสแอนเจลิส ที่ได้รับเงินช่วยเหลือรวมกัน 2,900 ดอลลาร์ หรือ ราว 94,200 บาท ยอมรับเงินจำนวนดังกล่าว “พอประทังไปได้” เนื่องจากเงินก้อนนี้เพียงพอสำหรับการจ่ายค่าเช่าบ้านเพียงเดือนเดียวเท่านั้น

ด้านคุณพลอยส่อง ชัยชูโชติ แชปแมน ตัวแทนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ วัย 33 ปี จากเมืองซีราคิวส์ รัฐนิวยอร์ก ที่ได้รับเงินรวมกันทั้งครอบครัว 2,900 ดอลลาร์เช่นกัน บอกว่าเงินจำนวนนี้ “ไม่เยอะเลย” เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในนิวยอร์ก เพราะเงินช่วยเหลือที่ให้กับบุตร 500 ดอลลาร์ พอสำหรับค่าใช้จ่ายให้สถานรับเลี้ยงเด็กเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น

เงินช่วยเหลือจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ (Economic Impact Payment) จากวิกฤติการระบาดของไวรัสโควิด – 19 จะช่วยเหลือ ผู้ที่มีรายได้ไม่เกินปีละ 75,000 ดอลลาร์ (ราว 2.4 ล้านบาท) ต่อปี จะได้รับเงินช่วยเหลือ 1,200 ดอลลาร์ (ราว 38,900 บาท) ต่อคน และหากมีบุตรหรือพี่น้องที่อายุไม่เกิน 18 ปี จะได้รับเพิ่มอีก 500 ดอลลาร์ (ราว 16,200 บาท) ต่อคน และหากมีรายได้ระหว่าง 75,000 ดอลลาร์ และ 99,000 ดอลลาร์ (ราว 3.2 ล้านบาท) จะได้รับเงินช่วยเหลือลดหลั่นลงไป โดยผู้ที่มีรายได้มากกว่า 99,000 ดอลลาร์ต่อปี จะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือในส่วนนี้

ส่วนผู้ที่มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษี คือไม่เกิน 12,200 ดอลลาร์ต่อปี หรือ ราว 396,000 บาท ก็มีสิทธิ์รับเงินช่วยเหลือเช่นกัน แต่จะต้องกรอกข้อมูลเพิ่มเติมผ่านทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากรเพื่อเข้าถึงการช่วยเหลือดังกล่าว

คำในข่าวสัปดาห์นี้ รู้สึกโล่งอกโล่งใจไปกับข่าวดีของคนไทยในอเมริกา ที่ได้รับเงินเยียวยาโควิด-19 ในสหรัฐฯ จึงอยากนำเสนอคำว่า โล่งอก ที่ใช้ได้หลากหลาย

อย่างคำว่า to breathe a sigh of relief หมายถึง ค่อยโล่งอกขึ้นหน่อย

หรือตรงๆเลยก็ใช้ได้ว่า to feel relieved เช่น I feel relieved that she finally sent the article on time. หมายถึง ฉันล่ะโล่งอกที่เธอส่งบทความได้ทันเวลา

นอกจากนี้ โล่งอก พูดได้อีกว่า That's a load off เช่น The factory decides to cancel the planned layoff after it got new orders. That's a load off. โรงงานตัดสินใจไม่เลิกจ้างงานหลังจากที่ได้คำสั่งซื้อใหม่ ค่อยโล่งอกหน่อย

และมีคำว่า to breathe more easily นอกจากจะแปลว่า หายใจคล่องขึ้นแล้ว ยังหมายถึง รู้สึกผ่อนคลายได้บ้างหลังผ่านพ้นเหตุการณ์ตึงเครียดหรือเลวร้าย หรือจะใช้ได้ว่า breathe easy ก็ได้

ขยายต่อกันที่ breathe เป็นกริยา หมายถึง หายใจ ส่วน breath เป็นคำนาม ดังนั้นจะบอกว่าหายใจ ก็ใช้ว่า take a breath ที่ปกติเราจะได้ยินบ่อยๆว่า หายใจลึกๆนะ ก็จะใช้ว่า take a deep breath นั่นเอง

มีกลุ่มคำว่า hold your breath ไม่ได้หมายความว่ากลั้นหายใจอย่างเดียว แต่หมายถึง ลุ้น ชนิดที่ว่าลุ้นจนลืมหายใจ และที่ตรงข้ามกันคือ don’t hold your breath หมายความว่า เลิกหวังในสิ่งที่มันไม่น่าเกิดขึ้น เช่น He said she’d get back to him, but don't hold your breath! เขาบอกว่าเดี๋ยวเธอก็กลับมา แต่อย่าหวังลมๆแล้งๆเลย

แม้ตอนนี้เราจะโล่งใจที่หลายคนเริ่มได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจากวิกฤตโควิด-19 แต่คงจะดีกว่านี้หากการระบาดทุเลาเบาบางลงทั่วโลก ซึ่งระหว่างนี้เราก็คงยังหายใจไม่ทั่วท้องกันต่อไป