"นาซา" เดินหน้าสำรวจร่องรอยทางเทคโนโลยีของอารยธรรมต่างดาว

Shown is an artist's visualization of the K2-138 system, the first multi-planet system discovered by citizen scientists. Since 1995, scientists have discovered more than 4,000 exoplanets. (Credit: NASA/JPL-Caltech/R. Hurt - IPAC)

Your browser doesn’t support HTML5

NASA Exoplanet Technosignatures Project

องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ นาซา สนับสนุนโครงการค้นหาหลักฐานด้านเทคโนโลยีจากนอกโลก ที่อาจบ่งชี้ถึงการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตที่มีความเฉลียวฉลาดนอกโลกได้

นาซา ผลักดันเงินรางวัลสนับสนุนให้กับทีมวิจัยที่ค้นพบเบาะแสร่องรอยของเทคโนโลยีก้าวหน้าจากดาวเคราะห์ดวงอื่นนอกระบบสุริยะ ซึ่งเรียกรวมกันว่า “technosignatures” ไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์หรือสัญญาณใดๆ ที่ระบุถึงการมีอยู่ทางเทคโนโลยีนอกระบบสุริยะ เช่น คลื่นวิทยุจากนอกโลก ซึ่งนาซาเชื่อว่ายังไม่ได้รับการศึกษาและค้นหาอย่างเต็มที่

เทคโนโลยีที่รุดหน้าของมวลมนุษยชาติ ได้นำไปสู่การค้นพบดาวเคราะห์ใหม่นอกระบบสุริยะมากมาย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1995 นักวิทยาศาสตร์ค้นพบดาวเคราะห์คล้ายโลกที่อยู่นอกระบบสุริยะ มากกว่า 4,000 ดวงด้วยกัน และดาวเคราะห์เหล่านี้โคจรรอบดาวฤกษ์เฉกเช่นโลกของเรา และบางดวงก็ได้รับการยืนยันว่ามีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสิ่งมีชีวิตคล้ายกับโลกของเรา

ที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์มุ่งศึกษา ร่องรอยทางชีวภาพบนดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ ทั้งสารประกอบเคมีหรือร่องรอยทางกายภาพอื่นๆ ที่สื่อถึงการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตแบบเรียบง่ายในจักรวาล แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ นักวิทยาศาสตร์เบนเข็มเข้าสู่การค้นหาร่องรอยทางเทคโนโลยีจากนอกโลก ซึ่งรวมถึงองค์การนาซาด้วย

การศึกษาร่องรอยทางเทคโนโลยีของอารยธรรมต่างดาว เป็นความร่วมมือระหว่างทีมวิจัยที่มหาวิทยาลัย University of Rochester ในนิวยอร์ก มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และสถาบันสมิธโซเนียน

ในแถลงการณ์ของมหาวิทยาลัย University of Rochester ระบุว่า โครงการนี้จะมุ่งศึกษาร่องรอยทางเทคโนโลยีบนอวกาศที่ไม่รวมคลื่นวิทยุจากนอกโลก ซึ่งเป็นการเผยทิศทางใหม่ในการศึกษาความเฉลียวฉลาดที่อยู่นอกพิภพของเรา ด้วย 2 คำถามหลักก็คือ มีหลักฐานทางเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นโดยอารยธรรมจากดาวเคราะห์อื่นๆ ที่สามารถรับรู้ได้ถึงโลกหรือไม่? และอีกคำถามคือ ร่องรอยทางเทคโนโลยีจากต่างดาวสามารถค้นหาได้ง่ายกว่าร่องรองทางกายภาพนอกโลกหรือไม่?

This illustration shows the possible surface of TRAPPIST-1f, one of the newly discovered planets in the TRAPPIST-1 system. Scientists using the Spitzer Space Telescope and ground-based telescopes have discovered that there are seven Earth-size planets in

ทีมวิจัยฝั่ง มหาวิทยาลัย University of Rochester จะศึกษาหลักฐานทางเทคโนโลยีจากนอกโลก 2 ชิ้น ที่เป็นหลักฐานบ่งชี้ถึงกิจกรรมทางเทคโนโลยีขั้นสูงนอกโลก ได้แก่ แผงพลังงานแสงอาทิตย์ จากที่ทีมวิจัยพบว่าดาวเคราะห์บางดวงพึ่งพาพลังงานจากดาวฤกษ์เหมือนกับโลกที่ต้องการพลังงานจากดวงอาทิตย์ การใช้แผงพลังงานแสงอาทิตย์อาจเป็นหลักฐานแสดงถึงอารยธรรมบนดาวดวงอื่นด้วยเช่นกัน โดยจะตรวจสอบผ่านคลื่นแสงที่สะท้อนออกจากแผงโซลาร์เซลล์บนดาวดวงอื่นนั่นเอง

อีกด้านหนึ่ง ทีมวิจัยจะค้นหาหลักฐานของมลพิษในชั้นบรรยากาศจากดาวเคราะห์ดวงอื่นนอกระบบสุริยะ ซึ่งจะแตกต่างจากการศึกษาก่อนๆที่มุ่งเน้นสารเคมีในชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์ มาเป็นการศึกษาที่เน้นไปในสารเคมีที่สร้างขึ้นโดยสิ่งมีชีวิตแทน อย่างเช่น มีเทน หรือสารเคมีหรือแก๊สที่สร้างขึ้นจากกิจกรรมทางอุตสาหกรรมในอารยธรรมอื่นๆ นอกโลก รวมทั้งหลักฐานเรื่องเส้นทางของไฟฟ้าในเมือง โครงสร้างผังเมือง หรือข้อมูลดาวเทียม ที่เกิดขึ้นนอกระบบสุริยะ

ส่วนทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด นำโดย อาวี เลิบ (Avi Loeb) หวังว่าการวิจัยนี้จะนำไปสู่การค้นพบใหม่เกี่ยวกับเทคโนโลยีจากต่างดาวที่คล้ายหรือก้าวหน้ากว่าโลก เพื่อตอบคำถามง่ายๆที่ว่า “เราเป็นอารยธรรมเดียวในจักรวาลนี้หรือไม่?” และอีกคำถามตามต่อที่ว่า “หากตอนนี้เราคืออารยธรรมเดียวที่เหลืออยู่ในจักรวาล แล้วเมื่อก่อนนี้เคยมีอารยธรรมคู่ขนานมากับเราหรือไม่?”