รัฐบาลทหารเมียนมาพยายามแต่งตั้งทูตเมียนมาประจำสหประชาชาติคนใหม่อีกครั้ง หลังจากทูตเมียนมาคนเดิมแสดงจุดยืนต่อต้านการยึดอำนาจเมื่อเดือนกุมภาพันธ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมียนมา วันนา หม่อง ลวิน ส่งจดหมายถึงเลขาธิการสหประชาชาติ แอนโตนิโอ กูเตอร์เรส ว่าจะแต่งตั้งอดีตนายทหาร อ่อง ตูเรน เป็นเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำสหประชาชาติคนใหม่ ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี
รมต.ลวิน กล่าวว่า นายจอ โม ตุน ผู้ที่สหประชาชาติให้การยอมรับว่าเป็นทูตเมียนมาประจำสหประชาชาติคนปัจจุบันนั้น "ถูกปลดออกจากตำแหน่งไปแล้วตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ปีนี้ เนื่องจากประพฤติผิดในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย"
โดยเมื่อวันที่ 26 ก.พ. นายจอ โม ตุน ได้เรียกร้องให้นานาชาติร่วมคัดค้านการก่อรัฐประหารในเมียนมา และใช้ “วิธีที่จำเป็นใด ๆ ก็ตาม” เพื่อต่อต้านกองทัพเมียนมา และคุ้มครองความปลอดภัยและความมั่นคงต่อชาวเมียนมา
SEE ALSO: ทูตเมียนมาประจำยูเอ็นเรียกร้องนานาชาติต่อต้านรัฐประหารทูตเมียนมากล่าวว่า เขาเป็นตัวแทนของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ พรรคเอ็นแอลดี ของนางออง ซาน ซู จี ผู้ถูกกองทัพโค่นอำนาจ ซึ่งเป็น “รัฐบาลจากการเลือกตั้งอย่างชอบธรรมและเหมาะสม” และไม่ได้เป็นตัวแทนของกองทัพที่ยึดอำนาจ
เขาระบุว่า การก่อรัฐประหารนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและไม่สามารถยอมรับได้ในโลกสมัยใหม่ และว่า "เราจะเดินหน้าต่อสู้เพื่อรัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน" ซึ่งเรียกเสียงปรบมือมากมายจากบรรดานักการทูตที่เข้าร่วมประชุมที่สหประชาชาติในวันนั้น
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลทหารเมียนมาพยายามอย่างยิ่งที่จะปลดนายตุนและแต่งตั้งทูตคนใหม่ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะคำร้องให้มีการตั้งทูตคนใหม่ประจำยูเอ็นนั้นต้องได้รับการรับรองจากคณะกรรมการแต่งตั้งที่มีสมาชิกจาก 9 ประเทศเสียก่อน โดยสมาชิกล่าสุด คือ แคเมอรูน จีน ไอซ์แลนด์ ปาปัวนิวกีนี รัสเซีย ตรินิแดดแอนด์โทบาโก แทนซาเนีย อุรุกวัย และสหรัฐฯ
SEE ALSO: ‘ยูเอ็น’ เตือน ประชาชนในรัฐกะยาของเมียนมา อาจล้มตายครั้งใหญ่
ทางด้านรองโฆษกสหประชาชาติ ฟาร์ฮาน แฮ็ก กล่าวว่า เท่าที่ทราบจนถึงขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการประชุมของคณะกรรมการชุดนี้เพื่อแต่งตั้งทูตเมียนมาประจำยูเอ็นคนใหม่แต่อย่างใด
เมื่อเดือนมิถุนายน สหประชาชาติมีแถลงการณ์ว่า นายแอนโตนิโอ กูเตอร์เรส ได้ระบุถึงการเลือกตั้งทั่วไปในเมียนมาเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งพรรคของนางซู จี ชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ว่าเป็นการเลือกตั้งที่ถูกต้อง และควรยืนยันผลการเลือกตั้งดังกล่าว