กองทัพอาระกัน (Arakan Army - AA) ระบุเมื่อวันอาทิตย์ว่าสามารถเข้ายึดเมืองในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของเมียนมา หลังการต่อสู้มาร่วมหลายสัปดาห์ พร้อมกับปฏิเสธข้อกล่าวหาว่ากองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์นี้มุ่งเป้าโจมตีชาวมุสลิมโรฮีนจาในการสู้รบในพื้นที่ ตามรายงานของรอยเตอร์
ไข่ ทู คา โฆษกกองทัพอาระกัน กล่าวกับรอยเตอร์ทางโทรศัพท์ว่า นักรบของตนเข้ายึดเมืองบูติดอง (Buthidaung) ในรัฐยะไข่ ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนบังคลาเทศ นับเป็นความปราชัยล่าสุดของรัฐบาลทหารเมียนมา ในการสู้รบกับกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ในหลายพิกัดในเมียนมา และว่า “สามารถยึดฐานบัญชาการทั้งหมดในเมืองดังกล่าวได้เมื่อวันเสาร์”
เมียนมาเผชิญกับความวุ่นวายมาตั้งแต่กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนเมื่อปี 2021 ซึ่งนำไปสู่การต่อสู้กับกลุ่มแข็งข้อต่อต้านที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร พ่วงด้วยการสู้รบกับกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ในหลายพื้นที่ ความขัดแย้งนี้ได้ยกระดับเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน ที่พันธมิตรกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ รวมทั้งกลุ่ม AA ได้เปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ใกล้พรมแดนจีน และยึดคืนดินแดนมาจากรัฐบาลทหาร ซึ่งสร้างความท้าทายใหญ่ที่สุดให้กับกองทัพเมียนมา เพราะ ณ ตอนนี้ รัฐบาลทหารเมียนมาสูญเสียการควบคุมในฐานที่มั่น 5,280 จุดแล้ว
ด้านนักเคลื่อนไหวชาวโรฮีนจาบางราย กล่าวหากลุ่ม AA ว่ามุ่งเป้าโจมตีชาวโรฮีนจาระหว่างการโจมตีเมืองบูติดองและใกล้เคียง ทำให้ชาวโรฮีนจาต้องหลบลี้หนีภัยเพื่อความปลอดภัย
Your browser doesn’t support HTML5
นาย ซัน ลวิน ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อชาวโรฮีนจา Free Rohingya Coalition บอกกับรอยเตอร์โดยอ้างอิงจากสิ่งที่ผู้เห็นเหตุการณ์เปิดเผยมาว่า “กองทัพอาระกันเข้ามาในพื้นที่ใจกลางเมือง บังคับให้ผู้คนออกจากบ้านและเริ่มเผาบ้านเรือนของพวกเขา” และว่า “ทุกคนยืนยันว่าการโจมตีด้วยการเผาบ้านเรือนเป็นฝีมือของกองทัพอาระกัน”
แต่ทางรอยเตอร์ไม่สามารถยืนยันในประเด็นดังกล่าวได้ และทางโฆษกรัฐบาลทหารเมียนมาไม่ได้ตอบกลับการขอความเห็นของรอยเตอร์เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวในช่วงเวลาที่รายงานข่าวนี้
ด้านโฆษก AA กล่าวว่า เครื่องบินกองทัพเมียนมาและกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบชาวมุสลิมรวมตัวกันเพื่อโจมตีและจุดไฟเผาบางพื้นที่ของเมืองบูติดอง ซึ่งมีประชากรราว 55,000 คน ก่อนที่กลุ่ม AA จะเข้าถึงพื้นที่
ออง จ่อว์ โม นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิชาวโรฮีนจาและรัฐมนตรีช่วยในรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Government – NUG) กล่าวว่ากลุ่ม AA ได้ขอให้ชาวโรฮีนจาออกจากเมืองไป แต่พวกเขาบอกเพียงว่าไม่มีที่ไหนให้หนีไปอีกแล้ว ทำให้ชาวโรฮีนจาต้องติดอยู่ระหว่างการสู้รบ และว่า “นับตั้งแต่ 22.00 น.ของเมื่อคืน(เสาร์)จนถึงเช้าวันนี้(อาทิตย์) เมืองบูตินองถูกเผาราบและตอนนี้เหลือเพียงเถ้าถ่าน”
ชาวมุสลิมโรฮีนจาเผชิญกับการประหัตประหารในเมียนมามาร่วมหลายทศวรรษ หลังจากหลบหนีจากการกวาดล้างโดยกองทัพเมื่อปี 2017 ชาวโรฮีนจาเกือบ 1 ล้านคนต้องอาศัยในค่ายผู้ลี้ภัยค็อกซ์ บาซาร์ ในบังคลาเทศอย่างยากลำบาก
- ที่มา: รอยเตอร์