หกเดือนหลังการรัฐประหาร ขณะนี้เมียนมากำลังเผชิญการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
เชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์เดลตาเริ่มระบาดในเมียนมามาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และ ณ วันที่ 23 กรกฎาคม มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในเมียนมาแล้ว 6,459 คน ขณะที่ทางการเมียนมารายงานว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5,506 คน จากการตรวจหาเชื้อกับประชาชน 13,487 คน ซึ่งถือเป็นอัตราการติดเชื้อที่สูงถึง 40%
บรรดาอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจำนวนมากไม่มีแม้กระทั่งชุดคลุมป้องกันเชื้อโรคและต้องใช้เพียงหน้ากากเท่านั้น
เผาศพไม่ทัน
สถานที่เผาศพต่าง ๆ ไม่สามารถรองรับปริมาณศพที่เพิ่มขึ้นได้ ภาพและวิดีโอจากสื่อสังคมออนไลน์แสดงให้เห็นศพจำนวนมากกองเป็นพะเนินเพื่อรอการเผาในนครย่างกุ้ง ขณะที่ผู้ทำศพในย่างกุ้งเผยว่า มีศพผู้เสียชีวิตจากโควิดที่ต้องเผาราว 1,000 ศพต่อวัน
ส่วนที่เมืองมัณฑะเลย์ ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากปัญหาขาดแคลนหมอและพยาบาลตามโรงพยาบาลต่าง ๆ โดยหนึ่งในอาสาสมัครที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งกล่าวกับวีโอเอว่า มีผู้ป่วยเสียชีวิตราว 60 คนในแต่ละวัน แต่สามารถขนส่งศพไปยังสุสานได้เพียง 30 ศพต่อวันเท่านั้น
ที่เมืองกะเล่ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมียนมา ซึ่งเป็นเมืองแรกที่ประกาศให้ประชาชนอยู่แต่ภายในบ้าน อาสาสมัครคาดการณ์ว่ามีผู้เสียชีวิตราว 20-30 คนต่อวันตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน และสถานที่เผาศพต่าง ๆ ไม่สามารถรองรับจำนวนผู้เสียชีวิตได้อีกต่อไป
SEE ALSO: สื่อนอกเผยรัฐบาลทหารเมียนมาจับกุมหมอหลายคน ขณะยอดผู้ติดโควิดพุ่งออกซิเจนขาดแคลนอย่างหนัก
คนทำศพและอาสาสมัครหลายคนบอกว่า สาเหตุหลักที่ทำให้เมียนมามีผู้เสียชีวิตจากโควิดจำนวนมาก เพราะขาดแคลนออกซิเจนสำหรับผู้ป่วย
ถิ่น หม่อง อู แห่งองค์กรการกุศลแห่งหนึ่งในย่างกุ้ง กล่าวกับวีโอเอว่า เวลานี้ถังออกซิเจนกำลังขาดแคลนอย่างมากจนทางองค์กรต้องหยุดการบริการออกซิเจนให้กับผู้ป่วยมาตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม เนื่องจากผู้ใช้บริการหลายคนไม่นำถังออกซิเจนมาคืน หรือนำไปขาย หรือให้เพื่อนเช่าต่อ
ในแต่ละวัน ประชาชนเมียนมาหลายร้อยคนจะไปรออยู่หน้าโรงงานแจกจ่ายออกซิเจนตั้งแต่ตีสี่เพื่อรอเติมออกซิเจนใส่ถัง หลายคนโอดครวญว่าการประกาศมาตรการเคอร์ฟิวและล็อกดาวน์ยิ่งทำให้การเสาะหาออกซิเจนในช่วงเวลากลางคืนทำได้ยากยิ่งขึ้น
และหลายกรณี กว่าที่ชาวบ้านจะหาออกซิเจนมาให้แก่สมาชิกครอบครัวที่กำลังป่วยหนักเพราะโควิด ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว
เมื่อวันที่ 12 ก.ค. พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา กล่าวว่า ออกซิเจนมีเพียงพอสำหรับทุกคน และกล่าวโทษประชาชนว่าแตกตื่นซื้อออกซิเจนและเผยแพร่ข่าวลือผิด ๆ จนทำให้ปัญหาลุกลาม
"ประชาชนต้องให้ความร่วมมือ ประเด็นสำคัญคืออย่าหาประโยชน์ทางการเมือง เพราะนี่เป็นปัญหาทางสังคมและสุขภาพ เป็นเรื่องความเป็นความตายของประชาชน ไม่ใช่การเมือง" พลเอกมิน อ่อง หล่าย กล่าว
ด้านโฆษกรัฐบาลทหารเมียนมาประกาศในวันเดียวกันว่า ทางการได้จำกัดการขายออกซิเจนเพราะไม่สนับสนุนให้เกิดข่าวลือและการกักตุนถังออกซิเจนซึ่งทำให้ราคาสูงขึ้น และไม่ต้องการให้ประชาชนมีความเสี่ยงจากการรักษากันเองที่บ้าน โดยคำประกาศที่่ว่านี้ทำให้โรงงานหลายแห่งระงับการแจกจ่ายวัคซีนให้ประชาชน
SEE ALSO: โควิดและรัฐประหารทำพิษ! ธนาคารโลกเผยเศรษฐกิจเมียนมาหดตัว 18% ปีนี้
ระบบสาธารณสุขล่ม
ผู้ป่วยโควิดจำนวนมากในเมียนมาต้องรักษาตัวกันเองที่บ้านเนื่องจากไม่มีเตียงพยาบาลพอรองรับผู้ป่วยทั้งตามโรงพยาบาลรัฐและเอกชน และผู้ป่วยหลายคนถูกปฏิเสธการรักษาเนื่องจากไม่มีบุคคลอ้างอิงตามข้อบังคับของทางโรงพยาบาล
ประกอบกับบุคลากรการแพทย์จำนวนมากถูกทางการจับกุมหลังจากร่วมเดินขบวนต่อต้านการรัฐประหาร หรือตัดสินใจออกจากโรงพยาบาลรัฐเพื่อต่อต้านกองทัพ
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขคาดการณ์ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิดในเมียนมาจะยังคงพุ่งสูงขึ้นทั้งจากปัญหาออกซิเจนขาดแคลน ราคายาที่เพิ่มขึ้น และไม่มีอุปกรณ์การแพทย์เพียงพอ
หนึ่งในหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองมัณฑะเลย์ กล่าวกับวีโอเอว่า ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้จะยิ่งทำให้ชีวิตของชาวเมียนมาต้องตกอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้น และอัตราการเสียชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์จากนี้
(ที่มา: วีโอเอ)