Your browser doesn’t support HTML5
หนึ่งในเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของผู้หญิงชาวพม่าที่แทบจะขาดไม่ได้ คือ การทาแก้มและใบหน้าด้วยผงแป้งผสมน้ำสีขาวเหลือง ที่เรียกว่า ทานาคาไม่เว้นแม้แต่หนุ่มๆ ชาวพม่าบางคนที่ในบางครั้งก็เลือกใช้เครื่องประทินผิวที่ทำมาจากรากไม้ชนิดนี้เช่นกัน
ชาวพม่าสืบทอดทอดภูมิปัญญาในเรื่อง ทานาคา มานับพันปี โดยเชื่อว่ามีความสะอาดปลอดภัย มีคุณสมบัติควบคุมสิวและรักษาบาดแผลบนใบหน้า
อายี ทานดาร์ อ่อง แม่ค้าแผงลอยชาวพม่า บอกว่า ทานาคาทำให้ผิวหน้าของเธอเย็นชุ่มชื่นเสมอแม้ในสภาวะอากาศที่ร้อนท่ามกลางแดดแรง พ่อแม่ของเธอก็ใช้ทานาคาทาหน้าให้เธอมาตั้งแจ่เธอลืมตาดูโลก และจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่เคยแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางอื่นๆ หรือแม้แต่โลชั่นทาผิว
แม้ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ทานาคาสำเร็จรูปจะมีให้เลือกซื้อหาได้ตามใจ แต่สาวชาวพม่าไม่น้อยก็อยากจะทำทานาคามาใช้เอง
คา เย พนักงานขายเครื่องสำอางในห้างกลางกรุงย่างกุ้ง บอกว่า แม้วัยรุ่นชาวพม่าส่วนใหญ่จะเริ่มแต่งหน้ากันมากขึ้นแต่พวกเขาก็ยังมีทานาคามาปรับใช้เป็นส่วนประกอบ เธอบอกด้วยว่า ที่จริงงานของเธอจำเป็นต้องแต่งหน้าเพื่อให้ดูสะดุดตา แต่บางวันหากไม่สะดวกเหมือนเช่นวันที่เธอมาทำงานวันนี้ ทานาคาก็เป็นทางออกของเธอได้เสมอ
ขณะที่ เมย์ เมียว วาโซ นักออกแบบเสื้อผ้าชาวพม่า บอกว่า ทานาคาคือความโดดเด่นที่ลงตัวของชาวพม่า เพราะว่าคุณสมบัติของการทำให้ผิวเย็นชุ่มชื่นอยู่เสมอ เธอบอกด้วยว่า แม้เธอจะแต่งคิ้วทาปากบ้างในตอนทำงาน แต่ยามเธออยู่ที่บ้านแล้ว ทานาคาคือคำตอบสุดท้าย
Your browser doesn’t support HTML5
ขณะที่เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของชาวพม่าอีกอย่าง คือ การนุ่งผ้าโสร่ง หรือ ที่เรียกว่า ลองจี่ เครื่องนุ่งห่มยอดนิยมของชายชาวพม่า ที่เรียกว่าเห็นปุ๊บก็ทราบได้เลยว่ามาจากประเทศพม่า
ผ้าโสร่งคลุมยาว ที่มีประวัติสืบทอดมาจากอินเดียตอนใต้ ตั้งแต่ยุคอาณานิคมอังกฤษ ยังคงได้รับความนิยมจากหนุ่มๆ ชาวพม่า แม้ว่ากางเกงยีนส์จะกลายเป็นทางเลือกที่ท้าทายการแต่งกายของหนุ่มๆ ชาวพม่ามาพักใหญ่แล้วก็ตาม
อ่อง ซิน พนักงานขายกางเกงยีนส์นำเข้าจากจีนที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในย่างกุ้ง บอกว่า พวกเขายังคงนุ่ง โสร่ง หรือ ลองจี่ ในโอกาสต่างๆ เสมอ เช่น ใช้นุ่งตอนเข้าวัดเป็นต้น และเขาเชื่อว่า ลองจี่จะยังคงเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตชาวพม่าอย่างแน่นอน
เช่นเดียวกับ มอง มอง คนขายโสร่ง ในห้างเดียวกัน บอกว่า ความนิยมในกางเกงยีนส์เพิ่มขึ้นมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จนทำให้เขาเคยกังวลว่าการนุ่งโสร่งจะสูญหายไป แต่จนถึงขณะนี้ เขาพบว่า ลองจี่ หรือโสร่ง แบบดั้งเดิมของชาวพม่านั้น ยังคงได้รับความนิยมอยู่เสมอ
ด้านคุณ เมย์ เมียว วาโซ นักออกแบบเสื้อผ้าชาวพม่า บอกว่าในสายตาของนักออกแบบและหญิงชาวพม่าอย่างเธอนั้น ชอบที่จะเห็นหนุ่มๆ นุ่งโสร่งและสวมเสื้อเชิร์ตมากกว่า แต่เธอก็ยอมรับว่าในโสร่งหรือ ลองจี่นั้น อาจไม่เหมาะที่จะสวมในทุกโอกาสในสังคมปัจจุบัน
ชาวพม่าจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าแม้หนุ่มสาวชาวพม่าจะมีทางเลือกในแฟชั่นใหม่ๆ มากขึ้นจากวัฒนธรรมโลกตะวันตกที่กำลังหลั่งไหลเข้าสู่พม่า แต่จนถึงทุกวันนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาก็จะมีแนวทางของตัวเองที่จะหาจุดลงตัวระหว่างการรับเอาแฟชั่นใหม่ๆ และการรักษามรดกที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของชาวพม่าเอาไว้ได้อย่างน่าทึ่ง