การสู้รบดังกล่าวทำให้ความหวังของรัฐบาลพม่าที่จะเจรจาหยุดยิงกับฝ่ายกบฎทั่วประเทศก่อนการเลือกตั้งทั่วไปต้องชะงักงันไปก่อนในขณะนี้
คาดกันว่าประเด็นพื้นฐานที่ต้องหาทางทำความเข้าใจกันให้ได้ก่อน คือใครเป็นผู้ควบคุมพื้นที่และทรัพยากร
ในตอนเหนือของรัฐฉาน กองทัพปลดแอกแห่งชาติของชาว Ta’ang (TNLA) ซึ่งเป็นกลุ่มกบฎเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง ได้เข้าร่วมมือกับกลุ่ม Kokang กบฎชาวพม่าเชื้อสายจีนที่เป็นกลุ่มใหญ่กว่าและมีกำลังมากกว่า ต่อสู้กับกองทัพรัฐบาลพม่า เพื่อให้ได้สิทธิ์ในการปกครองตนเอง
นาย Tar Win Maw ผู้นำอาวุโสคนหนึ่งของ TNLA บอกว่า ที่สำคัญก็คือ พวกเขาเป็นชนกลุ่มน้อยต่างเชื้อชาติเหมือนกัน และเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างเดียวกัน ถ้าไม่ร่วมมือกันทั้งทางการเมืองและทางสังคมแล้ว ก็จะสู้กับรัฐบาลพม่าไม่ได้
ประเด็นที่ฝ่ายกบฎเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ คือการปราบปรามการปลูกฝิ่น ซึ่งฝ่ายกบฎกล่าวว่า อยู่ในความดูแลของกองทัพบกพม่า
รายงานขององค์การสหประชาชาติกล่าวว่ามีการปลูกฝิ่นเพิ่มขึ้นในรัฐฉาน ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ แม้ปริมาณการปลูกจะลดลงเฉพาะในปีที่แล้ว พวกกบฎกำลังร่วมมือกับชาวเขาชนกลุ่มน้อยทำลายฝิ่นเหล่านี้
นาย Ta Sanai Lay ผู้บัญชาการทหารคนที่สองของ TNLA บอกกับผู้สื่อข่าวของ AsiaReports.com ว่าผู้ที่ได้ผลประโยชน์จากฝิ่น คือแก๊งยาเสพติดที่ชายแดน ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลพม่า
เขากล่าวแสดงความหวังว่า สักวันหนึ่งจะกำจัดยาเสพติดออกไปได้หมดจากบริเวณของชาว Ta’ang
รัฐฉานเป็นบริเวณหนึ่งในพม่าที่มีการเพาะปลูกฝิ่นอย่างแข็งขัน และทางการพม่ากล่าวหาว่าพวกกบฎสนับสนุนการค้าฝิ่น ในขณะที่ฝ่ายกบฎปฏิเสธคำกล่าวหาและว่า แม้กระทั่งชาวไร่ชาวนาในพื้นที่ ซึ่งเหนื่อยหน่ายกับแก๊งยาเสพติด ก็ไม่อยากให้มีการค้ายาเสพติดอีกต่อไป
นาย Bertil Lintner ผู้เชี่ยวชาญเรื่องพม่า บอกว่า บริเวณ Palaung นี้ มีปัญหาเรื่องยาเสพติดมาหลายปีแล้ว และขณะนี้พวก TNLA กำลังเข้าไปร่วมมือกับชาวไร่ชาวนารณรงค์ต่อต้านอย่างจริงจัง
ผู้เชี่ยวชาญเรื่องพม่าให้ความเห็นต่อไปว่าพวก TNLA เข้าไปร่วมมือกับพวก Kokang ก็เพราะต้องการการสนับสนุนทางการเมือง แม้ผู้นำของ Kokang นาย Peng Jiasheng จะเคยพัวพันกับการค้ายาเสพติดมาก่อน แต่ก็ไม่มากเหมือนพวกแก๊งที่เป็นหน่วยอาสาของรัฐบาล
การสู้รบระหว่างทหารพม่ากับฝ่ายกบฎยังคงดำเนินอยู่ต่อไปในตอนเหนือของรัฐฉาน ซึ่งเป็นบริเวณที่ห่างไกล ทำให้ความหวังของประชาชนในที่นั้นที่จะเห็นสันติภาพและสภาพการดำรงชีวิตที่ดีขึ้น ต้องรอต่อไปก่อน