Your browser doesn’t support HTML5
ไม่ปล่อยให้แฟนหนังคิดถึงนาน สำหรับภาพยนตร์นักฆ่าแบบมีคอนเซปต์แห่งยุค John Wick ที่ยกระดับจากหนังล้างแค้นคนทั้งอำเภอให้สุนัขของเธอตัวเดียว มาเป็นจักรวาลแห่งนักฆ่าที่เหนือกว่าการสาดกระสุนและแลกหมัดมวยไม่ยั้ง
John Wick 3: Parabellum เล่าต่อจากภาค 2 ที่ทิ้งปมเอาไว้ เมื่อจอห์น วิค ดันละเมิดกฏของสภาสูงนักฆ่า หรือ High Table ด้วยการปลิดชีพนักฆ่าที่ขอลี้ภัยในโรงแรมคอนติเนนทัล ทำให้เขาต้องถูกตัดหางปล่อยวัดจากสมาคมนักฆ่า และถูกกำหนดค่าหัวสูงถึง 14 ล้านดอลลาร์ จอห์น วิค จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาชีวิตของเขา (และสุนัขที่เขารัก) ให้ได้
หนังเดินเรื่องต่อจากภาคที่ 2 ทันที บวกกับโครงสร้างขององค์กรนักฆ่าที่ซับซ้อนกว่าก๊กนั้นเหล่านี้ในภาพยนตร์แอคชั่นทั่วไป ทำให้ต้องเข้าใจบริบทของหนังมาก่อนพอสมควร พอบวกกับความระห่ำเลือดสาดขนาดเรตอาร์ ต้องยอมรับว่าคุ้มกับการรับชมอย่างมาก
สำหรับผู้ที่ชอบความแอคชั่นมันส์หยด ฉากแอคชั่นสวย หวือหวา และใส่ใจรายละเอียด มีอืดๆในช่วงแอคชั่นตอนปลายที่ดูน่าง่วงนอนและสงสารสตันท์แมนเสียจับใจ
ส่วนสุนัขในเรื่องก็ทั้งโหดทั้งน่ารักน่าเอ็นดู และไม่วายขยี้บทเกี่ยวกับสุนัขซึ่งเป็นต้นตอหลักของเรื่องในภาคนี้ด้วย
ส่วนนักแสดงนำอย่าง คีอานู รีฟส์ ในภาคนี้ค่อนข้างสะบักสะบอมประมาณ 80% ของภาพยนตร์ มีหลุดหล่อมาไม่กี่ฉาก เพราะเจอวิบากกรรมโดนไล่ล่ากันตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง จนเรียกได้ว่าเป็นตอนหนึ่งของฟ้ามีตาเวอร์ชั่นนักฆ่าเลยก็ว่าได้
แต่คีอานูยังคงเส้นคงวาของความเป็น The nicest guy on the planet เพราะแม้จะเป็นนักฆ่าระดับพระกาฬที่ถูกตัดขาดจากสมาคมนักฆ่า แต่ก็มีคนรักและพร้อมช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา แถมยังเป็นเหมือนไอดอลของเหล่านักฆ่าด้วยกันเองเสียด้วย
John Wick 3: Parabellum ให้ความสะใจในฉากบู๊ล้างผลาญ แต่ยังขาดมิติสำคัญที่พาหนังออกทะเลไปไกล แต่ยังได้สเน่ห์ของเหล่านักแสดงที่ชูโรงให้สนุกตื่นเต้นไปจนช่วงสุดท้ายได้แบบไม่ต้องสนใจตรรกะความเป็นจริงมากนัก