สำนักสำมะโนประชากรสหรัฐฯ เผยว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของพลเมืองอเมริกันที่แปลงสัญชาติ กระจุกตัวอยู่ใน 4 รัฐในอเมริกา โดยที่คนกลุ่มนี้มีอายุมากขึ้นและมีการศึกษามากขึ้นในช่วงหลายสิบปีมานี้ ตามรายงานของเอพี
รายงานฉบับใหม่ที่สำนักสำมะโนประชากรสหรัฐฯ เผยแพร่เมื่อวันอังคาร พบว่า 4 รัฐในอเมริกา ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย เท็กซัส ฟลอริดา และนิวยอร์ก เป็นบ้านของผู้อพยพจากต่างประเทศที่ได้รับสัญชาติอเมริกันในสัดส่วนมากที่สุดในอเมริกา
ในรายงาน American Community Survey สำนักสำมะโนประชากรสหรัฐฯ ประเมินว่าพลเมืองอเมริกันที่เป็นผู้อพยพมาจากต่างประเทศ อยู่ที่สัดส่วน 46.2 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน 14% ของพลเมืองอเมริกันโดยรวม และในช่วงหลายสิบปีมานี้ โดยสัดส่วนผู้อพยพกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นในระดับเลขสองหลักในหลายรัฐ
เมื่อเจาะลึกเป็นระดับรัฐ พบว่า แคลิฟอร์เนีย นิวเจอร์ซีย์ นิวยอร์ก และฟลอริดา มีพลเมืองอเมริกันที่เป็นผู้อพยพมาจากต่างประเทศมากกว่า 20% ของประชาชนในรัฐเหล่านี้ ขณะที่รัฐเวสต์เวอร์จิเนียมีพลเมืองอเมริกันที่เป็นผู้อพยพน้อยที่สุดในอเมริกา คือ 1.8% ของประชากรในรัฐ
50% ของพลเมืองอเมริกันที่เป็นผู้อพยพในสหรัฐฯ มาจากละตินอเมริกา ขณะที่สัดส่วนของพลเมืองอเมริกันที่เป็นผู้อพยพจากเอเชียลดลงมาอยู่ที่ไม่ถึง 1 ใน 3 ของจำนวนพลเมืองที่แปลงสัญชาติในอเมริกา ส่วนผู้อพยพจากแอฟริกาเพิ่มขึ้นจาก 4% มาเป็น 6% ของจำนวนพลเมืองในอเมริกา
ส่วนเรื่องของอายุและระดับการศึกษา รายงานฉบับนี้ พบว่า พลเมืองอเมริกันที่อพยพจากต่างประเทศ มีอายุเฉลี่ยมากขึ้นที่ 46.7 ปี และมีระดับการศึกษาสูงขึ้น โดยกว่า 3 ใน 4 มีระดับการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเป็นอย่างน้อย
อย่างไรก็ตาม สำนักสำมะโนประชากรสหรัฐฯ ไม่ได้ระบุข้อมูลของผู้อพยพเข้าสหรัฐฯ โดยผิดกฎหมายในรายงานฉบับนี้
รายงานฉบับนี้มีออกมาในช่วงที่ประเด็นเรื่องผู้อพยพเข้าสหรัฐฯ เป็นประเด็นสำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2024 นี้ ซึ่งคณะทำงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังเผชิญความยากลำบากในการจัดการปัญหาคลื่นผู้อพยพข้ามชายแดนสหรัฐฯ
- ที่มา: เอพี