เกิดเหตุระเบิดสองครั้งในระหว่างที่อิหร่านจัดงานรำลึกอดีตผู้บัญชาการทหารที่ถูกสังหารในการโจมตีด้วยโดรนของสหรัฐฯ เมื่อปี 2020 โดยเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตไม่น้อยกว่า 100 คนและมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ตามรายงานของรอยเตอร์ที่อ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่อิหร่าน
สถานีโทรทัศน์ทางการอิหร่านรายงานว่า เหตุระเบิดครั้งแรกและครั้งที่สองซึ่งเกิดขึ้นห่างกันราว 20 นาทีในจุดที่อยู่ใกล้กับสุสานของพลตรีกาส์เซม สุไลมานี ผู้ถูกสังหารใกล้สนามบินที่กรุงแบกแดด ระหว่างการโจมตีทางอากาศโดยโดรนของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีการจัดงานรำลึกครั้งที่ 4 อยู่
เอพีระบุว่า ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุรุนแรงดังกล่าว ขณะจัดทำรายงานข่าวนี้
Your browser doesn’t support HTML5
ประธานาธิบดีอิบราฮิม ระอีซี แห่งอิหร่าน ออกมาประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็น “อาชญากรรมอันแสนชั่วร้ายและไร้มนุษยธรรม
สื่อรัฐบาลอิหร่านรายงานว่า ปธน.ระอีซียังระบุในแถลงการณ์ด้วยว่า “อาชญากรใจโหด ... จงรับรู้ไว้ว่า ทุกคนจะถูกจัดการอย่างหนักตั้งแต่นี้เป็นต้นไปและ ... ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จะมีการตอบโต้อย่างรุนแรงหรือไม่”
หลังมีรายงานข่าวนี้ออกมา หลายประเทศ อาทิ รัสเซียและตุรกี ออกมาประณามการก่อเหตุรุนแรงในอิหร่านอย่างถ้วนหน้า ขณะที่ เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติยังเรียกร้องให้มีการนำตัวผู้อยู่เบื้องหลังมาลงโทษด้วย
ทั้งนี้ บาห์ราม เอย์โนลลาฮิ รัฐมนตรีสาธารณสุขอิหร่าน บอกกับผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ของรัฐว่า จำนวนผู้เสียชีวิตนั้นอยู่ที่ 95 คน จากที่ก่อนหน้านี้มีรายงานตัวเลขอยู่ที่ 103 คน โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 211 คน ส่งผลให้เหตุการณ์นี้เป็นการโจมตีที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บสูงสุดในประวัติศาสตร์ของประเทศแล้ว
ในอดีต อิหร่านมักกล่าวโทษว่า ผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุรุนแรงคือ อิสราเอล ซึ่งไม่เคยปฏิเสธหรือยอมรับคำกล่าวนี้ แต่ในครั้งนี้ ไม่มีข้อบ่งชี้ว่า มีรัฐต่างชาติเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุระเบิดใกล้สุสานของพลตรีสุไลมานีเลย
ขณะเดียวกัน จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า สหรัฐฯ ไม่พบข้อมูลใด ๆ ที่บ่งชี้ว่า อิสราเอลคือผู้ก่อเหตุดังกล่าวเลย
สื่ออิหร่านเผยแพร่ภาพร่างเหยื่อระเบิดจมกองเลือด
คลิปวิดีโอที่สื่อรัฐบาลอิหร่านเผยแพร่ออกมาแสดงให้เห็นภาพของร่างผู้คนหลายสิบคนจมกองเลือด ขณะที่ ผู้เห็นเหตุการณ์พยายามเข้าช่วยผู้รอดชีวิต และบางส่วนก็พยายามเร่งหนีออกจากที่เกิดเหตุอยู่
เจ้าหน้าที่กู้ภัยของสภาเสี้ยววงเดือนอิหร่านได้เร่งทำแผลให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีประชาชนเข้าร่วมงานรำลึกพลตรีกาส์เซม สุไลมานี หลายร้อยคน โดยสื่ออิหร่านบางแห่งรายงานว่า ตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บที่แท้จริงนั้นสูงกว่าที่มีการเปิดเผยออกมาด้วย
และหลังเกิดเหตุไม่นาน สื่อรัฐบาลอิหร่านประกาศว่า มีการอพยพผู้คนออกจากสุสานที่เกิดเหตุหมดแล้ว และมีการสั่งปิดสุสานไว้จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง โดยรัฐบาลได้ประกาศให้วันพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม เป็นวันแห่งการรำลึกถึงผู้สูญเสียในเหตุการณ์ความรุนแรงนี้แล้ว
และแม้ทางการอิหร่านจะยังไม่ได้ออกมาชี้ตัวว่า ใครน่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุนี้ เอสมาอิล คานิ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของอิหร่าน กล่าวว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของ “ตัวแทนของอิสราเอลและสหรัฐฯ” โดยภาพข่าวของสถานีโทรทัศน์รัฐบาลยังแสดงให้เห็นภาพผู้คนมารวมตัวที่บริเวณสุสานในช่วงค่ำของวันพุธ พร้อมร้องตะโกนว่า “อิสราเอล ไปตายซะ” และ “อเมริกา ไปตายซะ” ด้วย
ในเรื่องนี้ แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันระหว่างการแถลงข่าวประจำวันว่า สหรัฐฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดในอิหร่านในวันพุธแต่อย่างใด และไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อว่า อิสราเอลเป็นผู้ลงมือด้วย
กระทรวงการต่างประเทศอิหร่านระบุในแถลงการณ์ว่า รัฐบาลกรุงเตหะรานจะใช้หนทางระหว่างประเทศทั้งหลายเพื่อระบุตัวและนำผู้ที่เกี่ยวข้องในการโจมตีนี้รวมทั้งบรรดาผู้สนับสนุนทั้งหลายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขณะที่ ปธน.ระอีซี ได้ยกเลิกแผนการเยือนตุรกีในวันพฤหัสบดีไปแล้ว
- ที่มา: รอยเตอร์