ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เข้าพบเพื่อร่วมหารือกับมกุฎราชกุมาร ซัลมาน บิน อิบราฮิม อัล คาห์ลิฟา แห่งบาห์เรน ที่กรุงมานามา และเน้นย้ำถึงความสำคัญของความเป็นเอกภาพของประเทศต่างๆ ในแถบอ่าวเปอร์เซียและของการต่อต้านอิทธิพลของอิหร่านในภูมิภาค
หลังการประชุมในวันอังคาร รมต.พอมเพโอมีกำหนดการเดินทางไปกรุงอาบูดาบีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เพื่อหารือกับ ชีค อับดุลลาห์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เกี่ยวกับข้อตกลงฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างยูเออีกับอิสราเอลที่ลงนามไปก่อนหน้านี้ ซึ่งสหรัฐฯ มีส่วนช่วยในการเจรจาข้อตกลงดังกล่าวด้วย
แม้ทางนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสเราเอล จะยกย่องว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็นการ “เปิดศักราชใหม่” ของภูมิภาค แต่ประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ของปาเลสไตน์ กลับระบุว่าข้อตกลงนี้ “หักหลัง” ปาเลสไตน์ เนื่องจากเป็นการฝืนธรรมเนียมที่ประเทศกลุ่มอาหรับจะไม่สร้างความสัมพันธ์กับอิสราเอลจนกว่าอิสราเอลกับปาเลสไตน์จะมีความสัมพันธ์อย่างสันติกันได้
รมต.พอมเพโอมีกำหนดการเยือนหลายประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ ในขณะที่ทางรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังผลักดันให้ประเทศกลุ่มอาหรับฟื้นความสัมพันธ์กับอิสราเอล
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เริ่มต้นด้วยการเยือนอิสราเอลเป็นประเทศแรกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยเข้าพบกับนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู เพื่อยืนยันว่าสหรัฐฯ จะรับรองผลประโยชน์ทางการทหารของอิสราเอลในตะวันออกกลาง แม้ว่าทางสหรัฐฯ ก็อาจมีข้อตกลงซื้อขายอาวุธกับยูเออีด้วยเช่นกัน
ต่อมาในวันอังคาร รมต.พอมเพโอหารือกับพลโท อับเดล ฟัตตาห์ อัล-บูร์ฮาน ประธานคณะมนตรีเอกราชของซูดานเกี่ยวกับการสานความสัมพันธ์ระหว่างซูดานกับอิสราเอลเช่นกัน และยังหารือเกี่ยวกับบทบาทความสำคัญของกองทัพในการสนับสนุนรัฐบาลพลเรือนในช่วงเปลี่ยนผ่าน และแนวทางการเป็นประชาธิปไตยของซูดานด้วย
ทั้งนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มีกำหนดการเยือนโอมานเป็นประเทศสุดท้าย โดยคาดว่าบาห์เรนและโอมานจะเป็นประเทศถัดมาในแถบอ่าวเปอร์เซียที่จะเปิดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล