Your browser doesn’t support HTML5
วัคซีน Mosquirix นี้อาจจะกลายเป็นวัคซีนป้องกันมาลาเรียตัวแรก บริษัท GlaxoSmithKline เป็นผู้ผลิตยาตัวนี้ด้วยความร่วมมือจากโครงการ PATH Malaria Vaccine Initiative และการสนับสนุนจากมูลนิธิ Bill and Melinda Gates Foundation
องค์การอนามัยโลกชี้ว่าวัคซีนดังกล่าวมุ่งป้องกันการแพร่ระบาดของมาลาเรียที่คร่าชีวิตคนปีละประมาณ 584,000 คน และกว่า 75 เปอร์เซ็นต์เป็นเด็กเล็ก ส่วนมากอยู่ในทวีป
แอฟริกา
ในการทดสอบประสิทธิภาพ เด็กที่ได้รับวัคซีนทดลองอายุตั้งแต่ 5-17 เดือนมีภูมิต้านทานต่อมาลาเรียเพิ่มขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ในช่วงปีแรกหลังได้รับวัคซีนและลดลงมาครึ่งหนึ่ง 4 ปีหลังได้รับวัคซีน นอกจากนี้ยังมีการฉีดวัคซีนกระตุ้นให้เด็กเหล่านี้และพบว่าเด็กมีภูมิคุ้มกันต่อมาลาเรียเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 36 เปอร์เซ็นต์หลัง 4 ปีไปแล้ว
ในกลุ่มเด็กทารกอายุ 6-12 สัปดาห์ ภูมิต้านทานต่อโรคในเด้กอยู่ที่แค่ 27 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่การฉีดวัคซีนกระตุ้นมีส่วนช่วยยืดภูมิต้านทานต่อโรคให้ยาวนานขึ้นไปตลอดช่วงไม่กี่ปีแรก
ในขั้นต่อไป องค์การอนามัยโลกจะทำการทบทวนคุณภาพวัคซีน Mosquirix นี้เพื่อประกาศให้สามารถนำไปใช้ได้อย่างเป็นทางการ เช่นเดียวกับวิธีการควบคุมและป้องกันมาลาเรียวิธีอื่นๆ
ในขณะเดียวกัน Lisa Schlein ผู้สื่อข่าววีโอเอที่นครเจนนีวารายงานว่า องค์การอนามัยโลกวางแผนที่จะทดสอบวัคซีนป้องกันมาลาเรียตัวนี้ในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อดูว่าควรนำไปใช้ในประเทศต่างๆในทวีปแอฟริกาที่มีการระบาดของมาลาเรียหรือไม่
นาย Gregory Hartl โฆษกแห่งองค์การอนามัยโลกกล่าวว่า นี่เป็นความคืบหน้าที่สำคัญมาก และทางองค์การอนามัยโลกจะยึดผลประโยชน์ทางการสาธารณสุขเป็นหลักในการตรวจสอบวัคซีนป้องกันมาลาเรียนี้
เขากล่าวว่าทางองค์การอนามัยโลกจะดูประเด็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความเป็นไปได้ในการใช้วัคซีนตัวนี้ในภาคสนามในประเทศกำลังพัฒนา จำเป็นต้องดูเรื่องของราคาและความคุ้มทุน นอกจากนี้ยังต้องใส่ใจกับคุณค่าทางการสาธารณสุขของวัคซีนตัวนี้เมื่อเทียบกับมาตรการควบคุมมาลาเรียอื่นๆ
ผู้เชี่ยวชาญพยายามคิดค้นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันมาลาเรียมานานหลายสิบปีแล้วและ Mosquirix เป็นวัคซีนมาลาเรียตัวแรกที่ผ่านการทดสอบเฟสที่ 3 หากวัคซีนตัวนี้มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อมาลาเรียได้จริงๆ ผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพชี้ว่ามันน่าจะช่วยป้องกันการเสียชีวิตของคนหลายล้านชีวิต
(รายงานโดย Lisa Schlein และ Marissa Melton เรียบเรียงโดย ทักษิณา ข่ายแก้ว)