ธุรกิจสินค้าหรูตั้งความหวังไว้กับการกลับมาของนักช้อปจีน

CHINA-LUXURY/

อุตสาหกรรมสินค้าหรูกำลังตั้งหน้าตั้งตารอการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวจีน พร้อมความหวังว่า นักช้อปกระเป๋าหนักจากประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกนี้จะช่วยดันยอดซื้อในช่วงเทศกาลวันปีใหม่ตามปฏิทินจันทรคติจีน หลังรัฐบาลกรุงปักกิ่งผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ที่ดำเนินมาอย่างเข้มข้นเป็นเวลา 3 ปี ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์

หลายฝ่ายคาดว่า รายงานผลประกอบการในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วโดยธุรกิจสินค้าหรูต่าง ๆ ทั้งกลุ่ม LVMH และบริษัทสัญชาติยุโรปอื่น ๆ จะแสดงให้เห็นถึงอัตราการการหดตัวของยอดขายที่รุนแรงลดลง หลังสถานการณ์การใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ และยุโรปเริ่มมีสัญญาณบวก

ผลการสำรวจความคิดเห็นโดยธนาคาร UBS ประเมินว่า ยอดขายโดยรวมของ LVMH ซึ่งเป็นเจ้าของสินค้าชื่อดัง เช่น Louis Vuitton และ Christian Dior รวมทั้งแชมเปญ Moët & Chandon ในไตรมาสที่แล้วน่าจะขยายตัว 7% และของกลุ่ม Kering ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์หรู อาทิ Gucci และ Yves Saint Laurent น่าจะลดลง 2% ขณะที่ ของ Hermes น่าจะขยายตัว 17% ซึ่งเป็นการหดตัวจากระดับ 24% ในไตรมาสก่อนหน้า

ผลประกอบการของอุตสาหกรรมนี้ในส่วนที่มาจากตลาดจีนชี้ให้เห็นถึงผลกระทบรุนแรงจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลปักกิ่งและสภาพการณ์ที่เริ่มดีขึ้นหลังมีการยุติการดำเนินมาตรการภายใต้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

ข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจ Bain ระบุว่า สัดส่วนมูลค่าการใช้จ่ายในสินค้าหรูของจีนเมื่อเทียบกับมูลค่ารวมทั่วโลกนั้นลดลงจากระดับ 33% ในปี ค.ศ. 2019 มาอยู่ที่ 17% ในปีที่แล้ว

CHINA-LUXURY/

อย่างไรก็ดี มีการคาดกันว่า ตลาดจีนจะกลายมาเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมสินค้าหรูภายในปี ค.ศ. 2025 ขณะที่ อุตสาหกรรมนี้น่าจะเป็นผู้รับอานิสงส์รายใหญ่ที่สุดหลังทางการจีนปลดล็อกมาตรการคุมเข้มโควิดต่าง ๆ

และขณะที่ นักท่องเที่ยวจีนน่าจะเลือกจุดหมายปลายทางในเอเชียเป็นตัวเลือกแรก ๆ ในการเดินทางออกนอกประเทศในช่วงนี้ มีผู้คาดว่า ทวีปยุโรปจะได้ประโยชน์จากการกลับคืนมาของนักเดินทางชาวจีนเป็นพิเศษ เมื่อนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เริ่มกลับคืนสู่ยุโรปในช่วงปลายไตรมาสสอง หรือช่วงหลังของปีนี้เป็นอย่างช้า

  • ที่มา: รอยเตอร์