ระหว่างที่อัตราการว่างงานในอเมริกาลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา คนรุ่นใหม่ในสหรัฐฯ กลับได้รับการว่าจ้างน้อยลง อันเนื่องมาจากวุฒิการศึกษาไม่เพียงพอ ตามการศึกษาของสถาบันวิจัย Brookings Institution ที่พบว่า การว่างงานในชาวอเมริกันอายุระหว่าง 18-24 ปี มีมากถึงร้อยละ 17 ซึ่งสูงกว่าระดับอัตราการว่างงานของชาวอเมริกันทั่วประเทศ ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 3.8
มาร์ธา รอสส์ และนาตาลี โฮล์มส ผู้จัดทำการวิจัยเรื่องการว่างงานของกลุ่มวัยหนุ่มสาว หรือ Young Adult ในอเมริกา ระบุว่า ตามหลักการแล้ว หนทางการได้งานของหนุ่มสาวอเมริกัน ช่วงอายุระหว่าง 18-24 ปีนั้น คือ การจบมัธยมปลาย เข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย หรือฝึกอบรมในสายอาชีพที่สนใจและเหมาะสมกับพวกเขา เพื่อสะสมประสบการณ์ ก่อนก้าวเข้าสู่วัยทำงาน แต่ปรากฏว่า มีวัยรุ่นหนุ่มสาว 2.3 ล้านคนที่ยังไม่มีงานทำอยู่ในปัจจุบัน
ในการศึกษาของ รอสส์และโฮล์มส แบ่งระดับหนุ่มสาวกับการศึกษาออกเป็น 5 กลุ่ม พบว่า กลุ่มที่ว่างงานมากที่สุด คือช่วงอายุ 18-21 ปี ที่มีวุฒิการศึกษาระดับมัธยมตอนปลายหรือต่ำกว่านั้น ซึ่งพึ่งพาพ่อแม่และญาติพี่น้องในการดำรงชีพและขาดโอกาสในหน้าที่ทางการงาน มีอัตราการว่างงานร้อยละ 37
รองลงมา คือ หนุ่มสาวอายุ 22-24 ปี ที่มีวุฒิการศึกษาระดับมัธยมตอนปลายหรือต่ำกว่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะยังอยู่กับพ่อแม่ ไม่ก็มีครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย และมีรายได้ต่อครัวเรือนต่ำกว่าระดับยากจนในอเมริกา มีอัตราการว่างงานร้อยละ 25
กลุ่มที่ว่างงานเป็นอันดับ 3 หนุ่มสาวอายุ 18-21 ปี ที่มีการศึกษาสูงกว่าระดับมัธยมปลาย พบว่าร้อยละ 90 ของกลุ่มนี้เคยเข้ามหาวิทยาลัยแต่เรียนไม่จบ มีอัตราการว่างงานร้อยละ 17
กลุ่มที่ว่างงานเป็นอันดับ 4 คือช่วงอายุ 22-24 ปี ที่มีการศึกษาสูงกว่ามัธยมปลาย คือร้อยละ 25 ของคนกลุ่มนี้ได้รับอนุปริญญาหรือปริญญาตรี แต่พบว่า 2 ใน 3 ของคนกลุ่มนี้ยังคงอาศัยอยู่กับครอบครัวที่มีรายได้ปานกลาง มีอัตราการว่างงานร้อยละ 15
และกลุ่มสุดท้าย คือ หนุ่มสาวอายุ 22-24 ปี ที่มีวุฒิปริญญาตรี และราวร้อยละ 47 เคยมีประสบการณ์การทำงานมาแล้ว มีอัตราการว่างงานร้อยละ 6