Your browser doesn’t support HTML5
นักวิเคราะห์ประเมินว่า คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเห็นผลอย่างรวดเร็วจากการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะพบกับผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน เพื่อเจรจาลดอาวุธนิวเคลียร์
ท่าทีดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะวางกรอบการเจรจา ซึ่งถือว่าไม่เป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติทางการทูต
คิม จอง อึน เป็นผู้แสดงความสนใจให้มีการเจรจาเพื่อยุติโครงการนิวเคลียร์ และสื่อสารความตั้งใจนี้ไปสู่เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของเกาหลีใต้ ชุง อิว ยัง เมื่อครั้งที่ทั้งคู่ได้พบกันที่กรุงเปียงยาง
จากนั้น นายชุง จึงบอกกับประธานาธิบดีทรัมป์ว่า คิม จอง อึน มุ่งหมายที่จะลดอาวุธนิวเคลียร์
นักวิเคราะห์ Gilbert Rozman จากสถาบัน Foreign Policy Research Institute ให้สัมภาษณ์กับวีโอเอ ในรายการ Plugged In With Gretta Van Susteren ว่า คิม จอง อึน มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนสำหรับเกาหลีเหนือ
ผู้สันทัดกรณีผู้นี้กล่าวว่า คิม จอง อึน ต้องการให้เกาหลีเหนือได้รับการยอมรับเยี่ยงรัฐที่เท่าเทียมกับประเทศอื่นๆ ในเวทีโลก โดยผู้นำเกาหลีเหนือต้องการให้ประเทศอื่นมองประเทศตนว่า เป็นตัวแสดงหนึ่งในภูมิภาค ที่มีความสำคัญ และมีน้ำหนักเรื่องดุลอำนาจของคาบสมุทรเกาหลี
ความตั้งใจลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ กลายเป็นแก่นสำคัญของเนื้อหาของการพบกันระหว่างประธานาธิบดี มูน แจ อิน ของเกาหลีใต้ และประธานาธิบดีทรัมป์ ในเดือนเมษายนนี้
ส่วนหนึ่งที่นักวิเคราะห์มองว่า การปลดอาวุธนิวเคลียร์ หรือ ลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ น่าจะต้องใช้เวลาในการเจรจา เพราะศัพท์ภาษาอังกฤษคำว่า ‘denuclearization’ ที่เป็นหัวใจของเรื่องนี้ แปลได้หลายความหมายในภาษาเกาหลี
นักวิเคราะห์ ฮาน ยาง ซับ จากมหาวิทยาลัย Korea National Defense University บอกว่า denuclearization ที่ฝ่ายตะวันตก แปลว่า ‘การปลดอาวุธนิวเคลียร์’ หรือ ‘ลดอาวุธนิวเคลียร์’ แต่ในภาษาเกาหลี คำนี้อาจหมายถึง การปิดโครงการ การตรึงจำนวน การระงับ การคุ้มครองปกป้อง หรือการปลดประจำการ
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า มีความเสี่ยงจากการลัดขั้นตอนของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ข้ามกระบวนการตกลงเบื้องต้น และวางกรอบของผลลัพธ์ที่ควรจะเกิดขึ้น
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น คือ เมื่อผู้นำทั้งสองฝ่ายเจรจากันจนไปสู่การสรุป อาจไม่สามารถหาข้อตกลงที่สมบูรณ์ หนักแน่นและตรวจสอบได้ เพื่อที่จะนำไปสู่การลดทอนโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งมองว่า สิ่งที่เกาหลีเหนืออาจตกลงที่จะทำ คือเพียงแค่ไม่พัฒนาโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธต่อ หรือลดทอนศักยภาพเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อให้ได้มาซึ่งการผ่อนปรนมาตรการลงโทษ
ปัจจุบัน คาดกันว่าเกาหลีเหนือมีหัวรบนิวเคลียร์ 30 หัวรบ พร้อมด้วยขีปนาวุธพิสัยกลางและพิสัยไกลหลายร้อยลูก และยังไม่รวมถึงโครงการพัฒนาแร่ยูเรเนียมที่เก็บซ่อนไว้
สิ่งที่ยังไม่ทราบแน่นชัดอีกประการหนึ่ง คือ เกาหลีเหนือจะเรียกร้องให้สหรัฐฯ ถอนกำลังทหารออกจากเกาหลีใต้หรือไม่เพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการลดขนาดโครงการนิวเคลียร์
ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง สหรัฐฯ คงไม่สามารถยอมรับข้อเรียกร้องนี้ได้
(รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียงจากรายงานของ Brian Padden)