บริษัท Johnson & Johnson ประกาศเมื่อวันศุกร์ว่าผลการทดลองวัคซีนในสหรัฐฯ และในอีกเจ็ดประเทศแสดงว่าวัคซีนป้องกัน โควิด-19 แบบฉีดเข็มเดียวของทางบริษัทมีประสิทธิผลโดยรวมในระดับ 66% เพื่อป้องกันอาการเจ็บป่วยระดับปานกลางถึงระดับรุนแรงและสามารถป้องกันอาการป่วยที่ร้ายแรงที่สุดจากโควิด-19 ได้ถึง 85%
บริษัท Johnson & Johnson รายงานด้วยว่าวัคซีนที่ว่านี้ปลอดภัยและใช้ได้ผลในคนหลายกลุ่มที่มีพื้นฐานต่างกัน คือผู้ร่วมทดลองราว 30% มีอายุเกิน 60 ปีและกว่า 40% มีความผิดปกติด้านสุขภาพซึ่งนับเป็นความเสี่ยงสำหรับ โควิด-19 อย่างเช่นเป็นโรคอ้วน เบาหวาน หรือติดเชื้อเอชไอวีเป็นต้น
เท่าที่ผ่านมาวัคซีนของบริษัทอื่น เช่นไฟเซอร์กับโมเดิร์นนาต้องใช้ฉีดสองเข็มโดยเว้นระยะห่างประมาณสามถึงสี่สัปดาห์ และถึงแม้วัคซีนเหล่านี้ดูเหมือนจะให้ผลในทางป้องกันได้สูงถึงราว 95% หลังจากเข็มที่สองก็ตาม แต่ข้อจำกัดเรื่องอุณหภูมิของการจัดเก็บและการต้องฉีดเข็มที่สองได้สร้างปัญหาและทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความสะดวกและความเป็นไปได้ที่จะฉีดให้กับคนนับพันล้านคนทั่วโลกอย่างทั่วถึง
แต่ Johnson & Johnson บอกว่าวัคซีนของตนซึ่งใช้เพียงเข็มเดียวสามารถเก็บได้ที่อุณหภูมิตู้เย็นธรรมดา และว่าตัวเลขประสิทธิผล 95% ของไฟเซอร์กับโมเดิร์นนานั้นมาจากการทดลองในช่วงที่ไม่ได้มีการระบาดหนักและไม่มีเชื้อที่กลายพันธุ์ซึ่งต่างจากวัคซีนของตน
Johnson & Johnson ประกาศด้วยว่าจะสามารถผลิตวัคซีนให้สหรัฐฯ ได้ 100 ล้านโดสภายในเดือนมิถุนายนและจะแจกจ่ายได้ทั่วโลกถึง 1 พันล้านโดสภายในสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ตามคำถามในขณะนี้ก็คือโลกควรจะดีใจที่มีวัคซีนซึ่งใช้เพียงเข็มเดียวและสามารถฉีดให้ผู้คนได้ทั่วถึงมากกว่าและเร็วกว่าแต่ต้องแลกกับประสิทธิผลของการป้องกันที่ไม่สูงถึง 95% เหมือนการได้วัคซีนสองเข็มหรือไม่
เกี่ยวกับเรื่องนี้นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี่ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคติดเชื้อของสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่าภารกิจสำคัญเร่งด่วนขณะนี้คือการช่วยคุ้มครองผู้คนไม่ให้ต้องเจ็บป่วยหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิต ซึ่งก็ดูเหมือนว่าวัคซีนของ Johnson & Johnson จะสามารถทำเรื่องนี้ได้โดยเฉพาะในพื้นที่ซึ่งยากที่จะฉีดเข็มที่สองให้กับประชาชน และว่าสัญญาณเตือนที่ได้จากการทดลองวัคซีนก็คือไวรัสที่กลายพันธุ์กำลังสร้างปัญหาท้าทายให้กับวัคซีน ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยไม่ให้ไวรัสกลายพันธุ์มากไปกว่านี้คือการเร่งฉีดวัคซีนให้ผู้คนได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นั่นเอง