ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตั้งความหวังที่จะผลักดันนโยบายสำคัญหลายเรื่อง แต่การที่เสียงของเดโมเเครตในสภาเกินกึ่งหนึ่งไม่มากโดยเฉพาะในวุฒิสภา ผู้นำสหรัฐฯ จึงต้องพยายามหาแนวร่วมจากฝั่งรีพับลิกันให้มาสนับสนุนโครงการสำคัญของเขาด้วย
นักวิเคราะห์มองว่า ประเด็นเร่งด่วนขณะนี้ที่ประธานาธิบดีไบเดนต้องการให้เกิดความคืบหน้าคืองบประมาณ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อประชาชนจากโคโรนาไวรัส
เงินดังกล่าวยังรวมถึงโครงการเร่งฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้แก่ประชาชน
ฮาวาร์ด เกล็คแมน นักวิจัยอาวุโส แห่งสถาบัน Urban-Brookings Tax Policy Center เชื่อว่า แม้มีเสียงต่อต้านเรื่องมูลค่ามหาศาลของงบประมาณ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ไบเดน น่าจะหาเเนวร่วมได้ในหลายส่วนย่อยภายใต้มาตรการโดยรวม เช่น เรื่องการเพิ่มงบลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ที่มีบุตร
นอกจากนั้น นักวิเคราะห์ผู้นี้กล่าวว่า อีกประเด็นหนึ่งที่น่าจะได้การสนับสนุนจากตัวเเทนพรรครีพับลิกันในสภา คือการให้เเรงจูงใจทางภาษี ต่ออุตสาหกรรมที่ทำให้เกิดการจ้างงานในสหรัฐฯ
นั่นหมายถึงการค่อยๆ ออกกฎหมายย่อยตามมา โดยเรียงลำดับความเร่งด่วนของการแก้ปัญหา และลำดับการเจรจาในเรื่องที่เห็นพ้องกันระหว่างเดโมเเครตและรีพับลิกัน
สำหรับความพยายามของโจ ไบเดนในการแก้ไขนโยบายคนต่างด้าวสมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงสี่ปีภายใต้รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สนับสนุนพรรคเดโมเเครตและรีพับลิกัน ถกเถียงกันอย่างดุเดือดในเรื่องนโยบายคนต่างด้าวที่ทรัมป์ใช้กฎเข้มเรื่องการให้วีซ่าและการจ้างงานชาวต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม ซาราห์ เพียร์ซ นักวิเคราะห์ด้านนโยบายแห่ง สถาบัน Migration Policy Institute กล่าวว่า มีนักการเมืองรีพับลิกันจำนวนหนึ่งที่สนับสนุนคนต่างด้าวในอเมริกา โดยเล็งเห็นถึงบทบาทของเเรงานทักษะสูงจากต่างประเทศในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ชาวรีพับลิกันเหล่านี้อาจจะไม่แสดงตัวอย่างชัดเจนในช่วงที่ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี แต่อาจจะค่อยๆ ออกมาสนับสนุนไบเดนอย่างเปิดเผยในบางนโยบายที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว
ที่อาจจะเจอเเรงต้านจากรีพับลิกันอย่างชัดเจนกว่า คือเรื่องการออกวีซ่าเพื่อการพำนักในสหรัฐฯ เป็นการถาวร หรือการให้ “ใบเขียว” ในเรื่องนี้ ไบเดนอาจจูงใจฝ่ายรีพับลิกันได้ หากเพิ่มเงื่อนไขการให้ใบเขียวตามสถานะทางเศรษฐกิจของผู้สมัคร
แต่ถ้าจะมองถึงการปฏิรูปใหญ่สำหรับนโยบายคนต่างด้าว ประธานาธิบดีไบเดน อาจถอดบทเรียนจาก ความพยายามสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อนโยบายด้านนี้ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรของทั้งอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา และจอร์จ ดับเบิลยู บุช
บทเรียนของอดีตประธานาธิบดีทั้งสองในเรื่องนี้ จึงน่าจะมีประโยชน์ในการตั้งความหวังของโจ ไบเดน ต่อแผนให้สัญชาติคนต่างด้าวที่เข้าสหรัฐฯ กับผู้ปกครองมาอย่างไม่ถูกต้องเมื่อคร้ังยังเป็นผู้เยาว์
ในส่วนของการผลักดันเพื่อการอนุรักษ์สิ่งเเวดล้อม ประธานธิบดี ไบเดนได้นำสหรัฐฯกลับเข้าสู่กรอบความตกลงปารีส ว่าด้วยเรื่องภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงผิดธรรมชาติไปเรียบร้อยเเล้ว
นักวิเคราะห์อิริน ซิคอร์สกี รองผู้อำนวยการ Center for Climate and Security กล่าวว่า ที่ผ่านมานักการเมืองในสภาสหรัฐฯ สามารถผ่านกฎหมายเรื่องสภาพภูมิอากาศมาแล้ว เมื่อผูกเนื้อหาด้านความมั่นคงของสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายด้านความมั่นคงแห่งชาติ หรือ National Defense Authorization Act ในเเต่ละปี
เธอกล่าวว่า หากว่าในอนาคตมีนโยบายใหม่ๆ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาสิ่งเเวดล้อม รัฐบาลไบเดน สามารถดำเนินแนวทางดังกล่าว ผ่านกฎหมายด้านความมั่นคงแห่งชาติที่ว่านี้ได้
ท้ายสุดคือเรื่องการค้า ประธานาธิบดีไบเดน ได้เเต่งตั้ง เเคเธอรีน ไท ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายพาณิชย์กับจีน ให้เป็นผู้แทนการค้าสหรัฐฯ การสานต่อการกดดันจีนจากรัฐบาลที่แล้วน่าจะได้รับการสนับสนุนจากรีพับลิกัน และที่น่าจับตามองต่อไปคือ ไบเดนจะตัดสินใจนำสหรัฐฯ เข้าร่วมความลงตกการค้า CPTPP (Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership) หรือไม่ ในกรอบความร่วมมือดังกล่าวที่ต้องการให้เกิดการค้าเสรีในประเทศภูมิภาคมหาสมุทรแปซิฟิค