ภาพยนตร์แอนิเมชั่นจากญี่ปุ่น 'The Boy and the Heron' สร้างประวัติศาสตร์เป็นผลงานของอาจารย์ฮายาโอะ มิยาซากิ นักเขียนการ์ตูนแอนิเมชันระดับปรมาจารย์ของญี่ปุ่น เรื่องแรกที่สามารถขึ้นอันดับ 1 บนตารางบ็อกซ์ออฟฟิศในอเมริกาได้สำเร็จ
'The Boy and the Heron' ผลงานแนวแฟนตาซีของอาจารย์มิยาซากิ วัย 82 ปี เจ้าของผลงาน "Spirited Away" และ "My Neighbor Totoro" กลายเป็นหนังที่ทำเงินสูงสุดในตลาดอเมริกาเหนือในสุดสัปดาห์นี้ โดยเปิดตัวด้วยรายได้ 12.8 ล้านดอลลาร์ จากการประเมินของสตูดิโอ
ที่ผ่านมา แม้แอนิเมชันของมิยาซากิจะโด่งดังอย่างมากในญี่ปุ่นและเอเชีย แต่ในอเมริกานั้นเพิ่งจะได้รับความนิยมในช่วงหลัง ๆ และมักจะทำเงินได้ต่ำกว่าที่คาดไว้มาก ตัวอย่างเช่น "The Wind Rises" ที่ออกฉายเมื่อปี 2013 เก็บเงินไปได้เพียง 5.2 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ
"The Boy and the Heron" หรือ "เด็กชายและนกกระสา" เป็นเรื่องราวของเด็กชายที่สูญเสียมารดาในระเบิดปรมาณูในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จากนั้นได้พบกับนกกระสาลึกลับที่นำเขาเข้าสู่อีกโลกหนึ่งที่ไม่มีอยู่จริง โดยหนังเรื่องนี้ให้เสียงภาษาอังกฤษโดย โรเบิร์ต แพตตินสัน, คริสเตียน เบล และ มาร์ค แฮมิลล์
นอกจากติดอันดับ 1 ในบ็อกซ์ออฟฟิศตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ออกฉายแล้ว "The Boy and the Heron" ยังทำสถิติเป็นหนังต่างประเทศเรื่องแรกของปีนี้ที่ติดอันดับหนึ่ง และยังได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดของปีนี้ด้วย
ส่วนอันดับหนึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "Renaissance: A Film by Beyoncé" ร่วงลงไปอยู่ที่ 6 ในสุดสัปดาห์นี้ เก็บเงินไปได้อีก 5 ล้านดอลลาร์ ลดลง 76% จากสัปดาห์แรก
"Renaissance: A Film by Beyoncé." (ภาพจาก Parkwood Entertainment)
“The Hunger Games: The Ballad of Songbirds & Snakes” ทำเงินไปได้อีก 12.8 ล้านดอลลาร์ มาเป็นที่ 2 ตามด้วย “Godzilla Minus One” “Trolls Band Together” และ “Wish” ที่อันดับ 3 - 5 ตามลำดับ
1. “The Boy and the Heron,” $12.8 million.
2. “The Hunger Games: The Ballad of Songbirds & Snakes,” $9.4 million.
3. “Godzilla Minus One,” $8.3 million.
4. “Trolls Band Together,” $6.2 million.
5. “Wish,” $5.3 million.
6. “Renaissance, A Film by Beyoncé,” $5 million.
7. “Napoleon,” $4.2 million.
8. “Waitress: The Musical,” $3.2 million.
9. “Animal,” $2.3 million.
10. “The Shift,” $2.2 million.
- ที่มา: เอพี