ญี่ปุ่นประท้วงจีนกรณีคุมตัวพลเมือง-กิจกรรมทางทหารใกล้ตน

  • VOA

CHINA-JAPAN/

กรุงโตเกียวแสดงจุดยืนประท้วงกรุงปักกิ่งกรณีการควบคุมตัวพลเมืองของตนและแสดง “ความกังวลอย่างมาก” ต่อการที่กองทัพจีนดำเนินกิจกรรมทางทหารใกล้ ๆ ไต้หวันและรอบ ๆ ญี่ปุ่น

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น โยชิมาสะ ฮายาชิ เข้าร่วมประชุมกับ ฉิน กัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนในวันอาทิตย์ ในระหว่างการเยือนกรุงปักกิ่งอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่นักการทูตจากญี่ปุ่นเยือนจีนในรอบ 3 ปี ขณะที่ ระดับความขัดแย้งของทั้งสองประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในการหารือของสองรัฐมนตรีต่างประเทศ ฮายาชิ เรียกร้องให้จีนปล่อยตัวพนักงานของบริษัทยาสัญชาติญี่ปุ่น Astellas Pharma ที่ถูกทางการจีนควบคุมตัวไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้วด้วยข้อหาการเป็นสายลับ โดย ณ เวลานี้ ทั้งญี่ปุ่นและจีนยังไม่ได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดใด ๆ เกี่ยวกับการควบคุมตัวและข้อกล่าวหาที่ว่านี้

รมต.ต่างประเทศญี่ปุ่นบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตนได้หยิบยก “ประเด็นความกังวลอย่างรุนแรง” เกี่ยวกับกิจกรรมทางทะเลที่รุกคืบหนักขึ้นเรื่อย ๆ ในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ขึ้นมาพูดคุย รวมทั้งย้ำถึงความสำคัญของการคงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงในช่องแคบไต้หวัน

ฮายาชิ กล่าวด้วยว่า ตนได้แสดงความกังวลอย่างหนักเกี่ยวกับการร่วมดำเนินกิจกรรมทางทหารกับรัสเซียรอบ ๆ ญี่ปุ่นที่เกิดบ่อยครั้งขึ้น ขณะที่ มอสโกยังคงเดินหน้าทำสงครามในยูเครน และได้ร้องขอให้จีนดำเนินการต่าง ๆ ด้วยความรับผิดชอบต่อสันติภาพโลกด้วย

รมต.ต่างประเทศญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ตนได้บอกกับ รมต.ต่างประเทศจีน ว่า ทั้งสองประเทศนั้นมีโอกาสที่จะพัฒนาความร่วมมือเพิ่มขึ้นในด้านการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและบุคลากร แต่ก็ยังเผชิญกับ “ปัญหามากมายและประเด็นความกังวลรุนแรง” อยู่ และว่า “ความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-จีนนั้นกำลังอยู่ในจุดที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน”

ทั้งนี้ รมต.ฮายาชิ ระบุว่า ตนและรมต.ฉิน ตกลงที่จะทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายการสร้าง “ความสัมพันธ์ที่มั่นคงและสร้างสรรค์” ดังที่ผู้นำญี่ปุ่นและจีนได้หารือกันไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายนของปีที่แล้ว และยังตกลงที่จะพัฒนาปรับปรุงการสื่อสารระหว่างกันในด้านความมั่นคงในภูมิภาค หลังมีการจัดตั้งสายด่วนด้านกลาโหมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเริ่มกลับมาทำการพูดคุยประเด็นกลาโหมระหว่างกันแล้ว

JAPAN-CHINA/

หลังการหารือกับรมต.ต่างประเทศจีนแล้ว ฮายาชิ ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีหลี เฉียง โดยทั้งสองได้หยิบยกเรื่องความสำคัญของการเดินหน้าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในระดับทวิภาคีขึ้นมาพูดคุย รวมทั้งความสำคัญของการที่พลเมืองและบริษัทญี่ปุ่นรู้สึกปลอดภัยที่จะมาทำงานและทำธุรกิจในจีนด้วย

อย่างไรก็ดี นายกฯ หลี ได้เตือนญี่ปุ่นให้ระวังตัวไม่มาข้องเกี่ยวกับประเด็นเรื่องไต้หวัน โดยกล่าวว่า กรุงโตเกียวไม่ควรเข้ามาแทรกแซงและ “บ่อนทำลายอธิปไตยของจีนไม่ว่าในด้านใด” ตามข้อมูลจากแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศจีน

แถลงการณ์ดังกล่าวยังแสดงให้เห็นถึงการใช้คำพูดแรง ๆ ของนายกฯ หลี ที่ว่า “ประเด็นไต้หวันนั้นเป็นหัวใจหลักของผลประโยชน์สำคัญของจีนและเกี่ยวข้องกับรากฐานทางการเมืองในความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่น”

แม้ญี่ปุ่นจะไม่ได้ยอมรับไต้หวันในฐานะประเทศที่มีอธิปไตยแยกจากจีน กรุงโตเกียวก็ยังมีความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการที่แข็งแกร่งกับกรุงไทเป และได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงในภูมิภาครอบ ๆ ช่องแคบไต้หวัน ทั้งยังเคยส่งคณะผู้แทนสภาคนสำคัญ ๆ ไปเยือนไต้หวันหลายครั้งแล้วด้วย

ญี่ปุ่นมีความกังวลเกี่ยวกับโอกาสที่จีนจะส่งกองทัพบุกไต้หวันมาก เนื่องจากระยะทางที่อยู่ไม่ไกลกันระหว่างไต้หวันและเกาะทางตะวันตกเฉียงใต้ของตน รวมทั้งเกาะในทะเลจีนใต้ที่ยังเป็นจุดที่มีข้อพิพาทกันอยู

นอกจากประเด็นทั้งหมดแล้ว นายกรัฐมนตรีจีนยังวิพากษ์วิจารณ์มาตรการควบคุมการส่งออกอุปกรณ์สำหรับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของญี่ปุ่นที่ระบุว่า ผู้ส่งออกต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลก่อน ซึ่งคล้าย ๆ กับมาตรการของสหรัฐฯ โดยระบุว่า “สหรัฐฯ เคยใช้ลูกเล่นกลั่นแกล้งแบบนี้เพื่อข่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของญี่ปุ่นมาก่อน และตอนนี้ ก็กำลังนำลูกเล่นแบบเดียวกันนี้มาใช้กับจีน” และว่า “คนเราไม่ควรกระทำต่อผู้อื่น อะไรก็ตามที่จะไม่ทำกับตนเอง”

และถึง ฮายาชิ จะย้ำว่า มาตรการที่ว่านั้นไม่ได้ตั้งใจพุ่งเป้าไปที่ประเทศใดประเทศหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่สหรัฐฯ เป็นผู้นำเสนอเพื่อกันไม่ให้อุตสาหกรรมการผลิตเซมิตอนดักเตอร์ล้ำสมัยตกไปอยู่ในมือจีน

  • ที่มา: วีโอเอ