Your browser doesn’t support HTML5
ระหว่างการประชุมสุดยอดของผู้นำฝรั่งเศสกับอิตาลีที่เมืองเนเปิลเมือปลายเดือนกุมภาพันธ์ ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอ็ล มาคร็อง ของฝรั่งเศส ทักทายนายกรัฐมนตรีกุยเซบเป้ คอนเต้ ของอิตาลี ด้วยการยื่นแก้มสัมผัสกับแก้มทั้งสองข้าง หรือที่เรียกว่า double-cheek kiss ตามธรรมเนียมของชาวยุโรป
และภาพที่ปรากฏออกมามีความหมายมากกว่าการพบปะทักทายธรรมดาระหว่างสองผู้นำ แต่ยังมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ดูเหมือนจะสื่อให้ประชาชนของทั้งสองประเทศทราบว่าไม่มีอะไรน่าตกใจเกี่ยวกับการระบาดของโคโรนาไวรัสทางตอนเหนือของอิตาลีขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าประเพณีการทักทายที่เรียกกันว่า cheek kiss หรือ air kiss ของชาวยุโรป ที่แสดงการต้อนรับกันด้วยการยื่นแก้มสัมผัสแก้มหนึ่ง สอง หรือสามครั้ง หรือบางครั้งก็เป็นในรูปของการใช้ริมฝีปากสัมผัสกับแก้มของอีกบุคคลหนึ่งนั้น อาจจะเป็นประเพณีปฏิบัติที่ต้องงดเว้นในช่วงการระบาดของโคโรนาไวรัสขณะนี้
เพราะ แองเจโล บอร์เรลลี เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบเรื่องโคโรนาไวรัสของอิตาลี ได้เตือนว่าธรรมเนียมหรือประเพณีการทักทายสไตล์อิตาเลียนแบบนี้อาจจะมีส่วนช่วยแพร่เชื้อไวรัสได้ และว่า ขณะนี้แม้กระทั่งการสัมผัสมือหรือการยืนอยู่ใกล้กับคนอื่นมากเกินไปก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะทำเช่นกัน
เมื่อ 10 ปีที่แล้วระหว่างที่มีการระบาดของไข้หวัดหมูหรือ swine flu ในฝรั่งเศส เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของฝรั่งเศสก็ได้แนะนำว่าควรละเว้นการทักทายซึ่งกันและกันด้วยการโอบกอด หรือการยื่นแก้มไปสัมผัสแก้มเช่นกัน
ด้านสเปน ซึ่งเป็นอีกประเทศหนึ่งซึ่งมีประเพณีปฏิบัติอย่างเหนียวแน่นเรื่องการทักทายด้วยการหอมแก้มหรือการยื่นแก้มไปสัมผัสกันนั้น ยังไม่มีทีท่าว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐบาลสเปนจะแนะนำให้เปลี่ยนแปลงธรรมเนียมปฎิบัติดังกล่าว โดยขณะนี้สเปนมีผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 รวม 70 คน
ทางด้านเยอรมนี ประเพณีแก้มสัมผัสแก้มอาจจะไม่เป็นที่นิยมหรือฝังรากลึกเหมือนในสเปน อิตาลี หรือฝรั่งเศส เพราะชาวเยอรมันมักใช้วิธีสัมผัสมือหรือเช็คแฮนด์มากกว่า โดยผู้คนในสังคมเยอรมนีมักจะถูกสั่งสอนว่าการสัมผัสมือที่ยิ่งบีบแน่นมากเท่าใดจะยิ่งแสดงถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นและสะท้อนถึงความเข้มแข็ง
แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขของเยอรมนีก็กำลังพยายามชักจูงให้ละเว้นการสัมผัสมือในช่วงที่โคโรนาไวรัสกำลังระบาดเช่นกัน
ดังนั้นในขณะที่โคโรนาไวรัสกลายพันธุ์กำลังระบาดและเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของผู้คนทั่วโลก และขณะที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกันหรือที่สามารถใช้รักษาโรคนี้อยากได้ผลนั้น ดูเหมือนว่าสิ่งหนึ่งซึ่งผู้คนในสังคมที่ให้คุณค่ากับการทักทายอย่างใกล้ชิดจะต้องปรับตัวตามเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ คงต้องเริ่มจากการละเว้นการใช้แก้มสัมผัสแก้มรวมทั้งหลีกเลี่ยงการสัมผัสมือนั่นเอง