กองทัพอิสราเอลและกลุ่มก่อการร้าย ฮามาส สลับกันยิงถล่มฝ่ายตรงกันข้ามจนส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น
รายงานข่าวเปิดเผยว่า อิสราเอลดำเนินการโจมตีทางอากาศในเขตฉนวนกาซ่า ในวันอังคาร โดยมีเป้าหมายหลักเป็นบ้านพักหลายชั้นของผู้บัญชาการของกลุ่ม ฮามาส ขณะที่ผ่านกองกำลังติดอาวุธยิงขีปนาวุธกว่า 250 ลูกเข้าใส่อิสราเอลเช่นกัน
การโจมตีใส่กันล่าสุดนี้ ทำให้มีสตรีชาวอิสราเองเสียชีวิตไป 2 ราย ซึ่งเป็นการเสียชีวิตครั้งแรกของฝ่ายอิสราเอลนับตั้งแต่สองฝ่ายเปิดฉากถล่มใส่กัน ขณะที่มีประชาชนชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 28 ราย ที่รวมถึงเด็ก 9 คน เสียชีวิตในเขตกาซ่าด้วย
หลังมีรายงานข่าวการเสียชีวิตของชาวปาเลสไตน์ รวมทั้งกรณีการบาดเจ็บอีกไม่ต่ำกว่า 10 คน นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล กล่าวว่า เจ้าหน้าที่อิสราเอลตัดสินใจยกระดับการโจมตีทั้งในด้านของกำลังที่ใช้และความถี่ของการโจมตี ในเขตฉนวนกาซ่า เพื่อจัดกับการกลุ่มก่อการร้าย ฮามาส และกองกำลังจิฮาดอิสลามปาเลสไตน์ พร้อมประกาศว่า “ฮามาส จะได้เจอกับการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัวด้วย”
รายงานข่าวระบุว่า กลุ่มฮามาส เป็นฝ่ายเริ่มยิงจรวจถล่ม หลังเส้นตายให้อิสราเอลถอนกองกำลังความมั่นคงของตนออกจากพื้นที่มัสยิด อัล-อัคซา ในเมืองเก่าเยรูซาเลม ที่เวลา 18.00 นาฬิกาของวันจันทร์ผ่านพ้นไป
การปะทะกันระหว่างกองกำลังของทั้งสองฝ่ายรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาในบริเวณมัสยิดดังกล่าว ซึ่งฝ่ายผู้นับถือศาสนายิวให้ความเคารพเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ขณะที่ผู้นับถือศาสนาอิสลามให้ความสำคัญกับพื้นที่นี้เป็นอันดับที่ 3
และเมื่อความตึงเครียดและเหตุการณ์ปะทะกันเริ่มยกระดับขึ้นต่อเนื่อง กองทัพอิสราเอลประกาศว่า จะส่งกำลังทหารเข้าเสริมในพื้นที่ชายแดนฉนวนกาซ่าและจะเคลื่อนย้ายกำลังสำรองอีก 5,000 นายเข้าประจำการด้วย
ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา การต่อสู้ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสมักยืดเยื้อไม่เกิน 2-3 วัน แต่ในคราวนี้ นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู เตือนว่า การต่อสู้อาจ “ดำเนินไปอีกระยะ” โดยโฆษกกองทัพอิสราเอลบอกกับผู้สื่อข่าวในวันอังคารว่า ทางกองทัพยังอยู่ “ในขั้นต้น” ของแผนการโจมตีเป้าหมายในฉนวนกาซ่าเท่านั้น
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แสดงความกังวลเกี่ยวกับการโจมตีด้วยจรวดใส่อิสราเอล และเรียกร้องให้ฝ่ายฮามาสยุติการกระทำดังกล่าว “ในทันที”
บลิงเคน กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์สื่อ ก่อนเข้าร่วมประชุมกับ เอย์แมน ซาฟาดี รัฐมนตรีต่างประเทศจอร์แดน ด้วยว่า “ทุกฝ่ายต้องลดระดับความตึงเครียด และพิจารณาก้าวต่อไปที่จะทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง” ขณะที่ รมต.ซาฟาดี กล่าวว่า “การรักษาสันติภาพและความมั่นคงในเยรูซาเล็มนั้น คือ กุญแจสำคัญ” และว่า สิ่งที่ควรเกิดขึ้นจากนี้คือการทำให้การยกระดับการโจมตีนั้นยุติลง