Your browser doesn’t support HTML5
ภาพถ่ายที่กลุ่มรัฐอิสลามเผยแพร่ออกมาทางอินเทอร์เน็ตในวันอังคาร แสดงให้เห็นภาพชายหลายคนแบกถังหลายใบเข้าไปในวิหาร Baal Shamin ซึ่งเชื่อว่าสร้างขึ้นในยุคโรมัน อายุราว 2,000 ปี จากนั้นได้ต่อสายไฟเชื่อมระหว่างถังแต่ละใบที่ตั้งเรียงเป็นแถว
ภาพต่อมาแสดงให้เห็นควันไฟและซากปรักหักพังที่มีฝุนกลบฝัง ซึ่งทำให้เข้าใจได้ว่า วิหารเก่าแก่แห่งนั้นถูกระเบิดทำลายไปแล้ว ดังที่มีรายงานข่าวออกมาเมื่อวันอาทิตย์
วิหาร Baal Shamin คือส่วนหนึ่งของเขตโบราณสถานเมืองพัลมีร่า ซึ่งเป็นหนึ่งในมรดกโลกขององค์การ UNESCO ตั้งอยู่ตอนกลางของซีเรีย
กลุ่มรัฐอิสลามยึดเมืองพัลมีร่าได้เมื่อเดือน พ.ค และมีรายงานว่ากลุ่ม IS ได้สังหารประชาชนมากกว่า 200 คนในบริเวณเมืองพัลมีร่า ขณะที่องค์กร Syrian Observatory for Human Rights ระบุว่ากลุ่ม IS ได้ฝังกับระเบิดเอาไว้รอบเมืองดังกล่าวด้วย
และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กลุ่ม IS เพิ่งสังหารตัดศีรษะอดีต ผอ.ฝ่ายโบราณสถานของเมืองพัลมีร่า ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องดูแลเมืองโบราณแห่งนี้มาหลายสิบปี
เมื่อวันอาทิตย์ Irina Bokova ผอ.ขององค์กร UNESCO ได้กล่าวว่า การที่กลุ่มรัฐอิสลามทำลายเมืองโบราณอายุ 2,000 ปี ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรืองในอดีตของซีเรีย ถือเป็นการกระทำที่เข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม
ผอ. UNESCO ยังเรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อต่อต้านการทำลายมรดกทางวัฒนธรรมโดยกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ และว่าแม้คนจะถูกสังหาร โบราณสถานจะถูกทำลาย แต่ประวัติศาสตร์ไม่มีวันถูกลบเลือนออกไปจากความทรงจำของผู้คนทั่วโลกได้
ก่อนที่กลุ่มรัฐอิสลามจะบุกยึดครองเมืองพัลมีร่าในเดือน พ.ค ทางการซีเรียได้สั่งให้ขนย้านโบราณวัตถุต่างๆออกจากพิพิธภัณฑ์ในเมืองแห่งนี้ เหลือเพียงซากโบราณสถานต่างๆที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปได้
ที่ผ่านมา กลุ่มรัฐอิสลามจงใจทำลายโบราณสถาน โบราณวัตถุ และศิลปะเก่าแก่ต่างๆในอิรักและซีเรีย ที่ทางกลุ่มเชื่อว่าเป็นผลงานของกลุ่มนอกศาสนาก่อนการก่อกำเนิดของศาสนาอิสลาม หรือเข้าข่ายล่วงละเมิดต่ออิสลาม
วิดีโอที่เผยแพร่เมื่อเดือน ก.พ แสดงให้เห็นภาพสมาชิกกลุ่ม IS ใช้ค้อนและสว่านทำลายรูปปั้นและโบราณวัตถุหลายชิ้นในพิพิธภัณฑ์เมืองโมซุล ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ใหญ่อันดับสองของอิรัก นอกจากนี้ยังมีรายงานว่ากลุ่ม IS นำวัตถุโบราณล้ำค่าหลายชิ้นไปขายในตลาดมืด เพื่อเป็นแหล่งรายได้อีกทางหนึ่ง
สมาคมเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์อเมริกัน เปิดเผยข้อมูลจากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมของเมื่อปีที่แล้วว่า ในจำนวนเมืองโบราณ 6 แห่งของซีเรียที่ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกของ UNESCO มีอยู่ 5 แห่งที่ถูกทำลายไปแล้ว นับตั้งแต่สงครามในซีเรียเริ่มขึ้นเมื่อปี ค.ศ 2011 ยังไม่รวมเมืองพัลมีร่าซึ่งเพิ่งถูกทำลายไปเช่นกัน
ขณะที่องค์การสหประชาชาติรายงานว่า ในช่วงที่เกิดความขัดแย้งในซีเรียหลายปีที่ผ่านมา มีสถานที่สำคัญด้านวัฒนธรรมของซีเรียเสียหายหรือถูกทำลายไปแล้วกว่า 300 แห่งด้วยกัน
(ผู้สื่อข่าว Victoria Macchi รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียงเสนอ)
Your browser doesn’t support HTML5