คุยกับนักวิเคราะห์และเจ้าหน้าที่รัฐ ปมหนังดังในจีนมีฉากโหดร้ายของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่กล้ามาไทยหรือไม่ คาดไม่กระทบในระยะยาว แต่ต้องดูปัจจัยอื่นด้วย
ภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นอาชญากรรมเรื่อง “No More Bets (ไม่รับแทงแล้ว)” ที่ฉายภาพความทารุณของแรงงานที่ถูกหลอกหรือถูกลักพาตัวไปทำงานในแก๊งมิจฉาชีพในเอเชีย ได้รับความนิยมอย่างมากในจีน โดยทำรายได้มากกว่า 500 ล้านดอลลาร์หลังเข้าฉายได้เพียงเดือนเดียว และติดชาร์ตยอดนิยมอันดับหนึ่งถึงสามสัปดาห์ติดต่อกัน
ไม่เพียงแต่ความสำเร็จในประเทศ หนังที่เข้าฉายเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมายังกระตุกกระแสความไม่พอใจจากประเทศที่ถูกเอ่ยถึง เนื่องจากมีฉากที่มีตัวอักษรภาษาเขมร และมีภาพป้ายชื่อย่านดังของไทยอย่าง “สุขุมวิท” ในฉากที่นักท่องเที่ยวจีนถูกลักพาตัวอยู่บนรถมินิบัสด้วย แม้ในเรื่องจะไม่บอกว่าเหยื่อถูกหลอกไปทำงานในประเทศใดเป็นการเฉพาะ
เรื่องราวของ No More Bets ส่งผลให้กัมพูชาประกาศห้ามฉายหนังดังกล่าว และรัฐบาลทหารเมียนมาประกาศว่าภาพลักษณ์ประเทศตนเองถูกแปดเปื้อน เพราะมีเส้นเรื่องที่เกี่ยวกับเมียนมา ส่วนไทยยังไม่มีท่าทีอะไรตอบโต้ออกมา
วินเซนต์ จวง อดีตบรรณาธิการอาวุโสจากนิตยสาร Robb Report ยังมองว่าไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสมสำหรับชาวจีน แต่ก็ยอมรับว่าข่าวร้ายต่าง ๆ สามารถสร้างความกังวลแก่นักท่องเที่ยวได้ และการที่หนัง No More Bets สร้างจากเหตุการณ์จริง ก็ยิ่งมีความเชื่อมโยงกับคนดูได้
จวงกล่าวกับวีโอเอทางอีเมล์ว่า “มีสุภาษิตจีนโบราณที่บอกว่าข่าวดีนั้นกระจายยาก ส่วนข่าวร้ายนั้นกระจายง่าย อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็เหมือนกัน เรื่องราวแย่ ๆ ส่งผลให้คนหยุดเดินทางมาได้”
“หนังสร้างจากปูมเรื่องจริง มิจฉาชีพทางโทรคมนาคมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แทบทุกคนเจอข้อมูลที่หลอกลวงในแบบต่าง ๆ บางคนก็เสียเงินด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้หนังรู้สึกเหมือนจริงและประสบความสำเร็จ”
เรื่องราวที่หนังเล่า สอดคล้องกับเรื่องจริงกับข้อมูลในรายงานที่จัดทำโดยข้าหลวงใหญ่องค์การสหประชาชาติในเดือนเดียวกันกับที่หนังออกฉาย โดยมีใจความว่าแก๊งอาชญากรได้หลอกลวงคนนับแสนคนไปทำงานเป็นมิจฉาชีพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นิธี สีแพร รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวกับวีโอเอในเดือนตุลาคม มั่นใจว่าหนังเรื่องดังกล่าวจะไม่กระทบกับการท่องเที่ยวของไทย เพราะข้อมูลจากเครือข่ายที่จีนยังเห็นว่า ผู้คนเข้าใจความจริงในหนังและยังรู้สึกว่าไทยยังเป็นที่เที่ยวที่ปลอดภัย แต่ก็อาจจะต้องร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์จีนในการประชาสัมพันธ์เรื่องความปลอดภัยในการมาเที่ยวไทย
อย่างไรก็ตาม สถิติในช่วงปีนี้อาจเป็นหลักฐานที่บ่งชี้ว่า No More Bets มีผลกระทบต่อการมาเยือนของนักท่องเที่ยวชาวจีน
ข้อมูลจากหน่วยงานรัฐรายงานว่า ในเดือนสิงหาคมปีนี้ มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาเยือนไทยแล้วมากกว่า 2.2 ล้านคน แต่หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวของไทยประเมินว่าจะมียอดนักท่องเที่ยวจากจีนประมาณ 5 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นจำนวนที่คาดว่าจะไปถึงได้ยากในช่วงเวลาที่เหลือของปี
นอกจากเรื่องของหนังแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นที่ต้องนำมาพิจารณาร่วมด้วย ทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจในจีนที่ช้าลง จำนวนเที่ยวบินมาไทยที่ยังไม่มากเท่ากับช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด และข้อกังวลเรื่องความปลอดภัย สืบเนื่องจากเหตุการณ์ยิงกราดที่ห้างสยามพารากอนเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เหตุการณ์ยิงกราดที่มีชาวจีนเสียชีวิตอยู่ด้วย 1 ราย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีน 60,000 คนยกเลิกทริปการเดินทางมายังประเทศไทย
แกรี โบเวอร์แมน นักวิเคราะห์ด้านการท่องเที่ยวในเอเชียกล่าวกับวีโอเอว่า การยิงกราดที่พารากอน ส่งผลต่อการตัดสินใจมาเที่ยวไทยของเหล่านักท่องเที่ยวจีน
โบเวอร์แมนกล่าวว่า “ภาพยนตร์จีนสองเรื่องเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งเรื่อง No More Bets และ Lost in the Stars ทำให้มีการถกเถียงอย่างกว้างขวางในสื่อโซเชียลของจีนเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การยิงที่สยามพารากอนยิ่งตอกย้ำความกลัว และไทยก็กำลังเจอการยกเลิกเที่ยวบินจากชาวจีนที่จองตั๋วในช่วงวันหยุดของจีน ซึ่งถือเป็นช่วงฤดูกาลพีค”
นิธิกล่าวว่า รัฐบาลไทยได้ทำทุกอย่างเพื่อที่จะสร้างความมั่นใจว่าชาวจีนไม่ใช่เป้าหมายของการโจมตี และเหตุการณ์ที่พารากอนนั้นสงบเรียบร้อยลงแล้ว
รัฐบาลไทยพยายามอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวจากจีน โดยปัจจุบันจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า นักท่องเที่ยวจากจีนสามารถอยู่ในไทยได้ 30 วันโดยไม่ต้องทำวีซ่า
ยอดนักท่องเที่ยวต่างประเทศในไทยเมื่อปี 2019 อยู่ที่ 39 ล้านคน โดยเป็นชาวจีนถึง 11 ล้านคน แต่หลังจากโควิด-19 ระบาด ก็ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงอย่างมาก ข้อมูลเมื่อปี 2022 พบว่าไทยมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทยเพียง 273,567 รายเท่านั้น
จวง จาก Robb Report กล่าวว่าพฤติกรรมและความคิดของนักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนไปอย่างมากหลังจากยุคโรคระบาด พวกเขาสนใจเรื่องความสะดวกสบายมากขึ้น การที่มีเที่ยวบินในประเทศมากขึ้นในขณะที่การไปต่างประเทศยังมีราคาสูงอยู่ ทำให้ชาวจีนเลือกที่จะท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น
- ที่มา: VOA