สื่อต่างประเทศรายงานว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้ตอบรับคำเชิญการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ที่นายกรัฐมนตรีไทยได้เทียบเชิญระหว่างการพบกันที่กรุงปักกิ่ง ขณะที่ผู้นำจีนกระชับความร่วมมือกับไทยในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน
สื่อเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ อ้างอิงรายงานของเอเอฟพี และบลูมเบิร์ก เกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่านายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ได้เชิญปธน.ปูติน มาเยือนไทยอย่างเป็นทางการในปีหน้า ตามการเปิดเผยของผู้นำของไทยที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันพุธ
นายกฯ เศรษฐา และปธน.ปูติน ได้หารือนอกรอบในการประชุมสุดยอดหนึ่งแถบ-หนึ่งเส้นทาง ที่กรุงปักกิ่ง เมื่อค่ำวันอังคาร และหารือเรื่องการค้าและความสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรม โดยผู้นำไทยกล่าวเมื่อวันพุธว่า “ประธานาธิบดีรัสเซียเองก็ชอบภูเก็ต เข้าใจว่าเดินทางมาเป็นประจำ” ซึ่งกล่าวถึงการที่ผู้นำรัสเซียมาเยือนรีสอร์ทในภูเก็ต
ด้านรัฐบาลไทยออกแถลงการณ์ว่าผู้นำรัสเซียตอบรับคำเชิญของนายกฯ ไทย แต่ยังไม่ได้มีการกำหนดวันเวลาที่ชัดเจน
นอกจากนี้ ผู้นำรัสเซียยังได้ตอบรับคำเชิญที่จะเยือนเวียดนามด้วยเช่นกัน ตามข้อมูลของเว็บไซต์รัฐบาลเวียดนาม
ทั้งไทยและเวียดนาม ไม่ได้ให้สัตยาบันเพื่อผูกพันเป็นรัฐภาคีของศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court) ซึ่งออกหมายจับประธานาธิบดีปูติน ในข้อหาก่ออาชญากรรมสงคราม จากข้อกล่าวหาที่ว่าเขามีส่วนร่วมสั่งการลักพาตัวเด็ก ๆ ชาวยูเครนระหว่างปฏิบัติการทหารของรัสเซีย
สงครามรัสเซีย-ยูเครนได้ผลักให้ปธน.ปูตินถูกนานาชาติโดดเดี่ยว และมีพันธมิตรน้อยลงไป แต่ประเทศไทยและเวียดนาม ยังคงรักษาความสัมพันธ์และความร่วมมือกับรัสเซีย
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวรัสเซียมาเยือนไทยมากกว่า 1 ล้านคนในปีนี้ และทางการไทยเพิ่งปรับเปลี่ยนนโยบายวีซ่าให้ชาวรัสเซีย จากเดิม 30 วัน เป็น 90 วัน ขณะที่ปัจจุบัน เวียดนามดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัสเซียอยู่ในสถานะความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์รอบด้าน (Comprehensive Strategic Partnership) ซึ่งเป็นระดับสัมพันธ์การทูตขั้นสูงสุดเทียบเท่ากับจีนและสหรัฐฯ
อีกด้านหนึ่ง รอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้กล่าวกับนายกฯ เศรษฐา ที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันพฤหัสบดี โดยระบุว่า จีนและไทยควรเพิ่มความพยายามในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน เช่น กลุ่มคอลเซนเตอร์และการพนันออนไลน์ ซึ่งทางการจีนพร้อมที่จะเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศไทยภายใต้กรอบการทำงานระดับพหุภาคี
- ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี, บลูมเบิร์ก และเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์
กระดานความเห็น