เก้าอี้พลาสติกเป็นที่ซุกหัวนอน มื้ออาหารที่มีแค่ขนมปังและข้าว การรอคอยยาวนานหลายชั่วโมงเพื่อใช้ห้องน้ำ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ไม่อาจเลือกได้ภายใต้การควบคุมตัวของกลุ่มฮามาสที่บรรดาตัวประกันต้องเผชิญ
เกือบ 2 เดือนหลังกลุ่มติดอาวุธฮามาส ได้ลักพาตัวพวกเขาไปอยู่ในกาซ่า ในการโจมตีข้ามพรมแดนอันนองเลือดในอิสราเอล ซึ่งคร่าชีวิตราว 1,200 คน เมื่อ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา
ตัวประกัน 58 ชีวิตได้รับอิสรภาพภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวตลอด 3 วันที่ผ่านมา พวกเขาเลือกไม่ออกสื่อ และส่วนใหญ่ยังอยู่ในโรงพยาบาลในอิสราเอลขณะนี้ โดยตัวประกันส่วนใหญ่อยู่ในสภาวะอาการที่ทรงตัว
ขณะที่ข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ภายใต้การควบคุมตัวของกลุ่มฮามาสยังถูกเก็บงำไว้อย่างแน่นหนา แต่บรรดาครอบครัวของตัวประกันที่ได้รับอิสรภาพ ต่างเริ่มที่จะแบ่งปันประสบการณ์อันเลวร้ายที่บุคคลอันเป็นที่รักของพวกเขาต้องเผชิญ ตลอด 7 สัปดาห์ที่ผ่านมา
SEE ALSO: ฮามาสปล่อยตัวประกันรอบสาม-รวมชาวไทย 3 คนเมราฟ ราวิฟ ที่สมาชิกครอบครัว 3 คนของเธอได้รับการปล่อยตัวโดยกลุ่มฮามาสเมื่อวันศุกร์ กล่าวกับเอพีว่า พวกเขาได้รับอาหารที่ไม่ปกติ และส่วนใหญ่ได้กินแต่ข้าวและขนมปัง
โดยลูกพี่ลูกน้องและป้าของเธอ แคเรน และรูธ มันเดอร์ น้ำหนักลดฮวบลงราว 7 กิโลกรัม ในเวลา 50 วันที่อยู่ในการควบคุมโดยกลุ่มฮามาส เช่นเดียวกับหลานชาย โอฮาด มันเดอร์-ซิครี ยังดูผ่ายผอมลงเช่นกัน
ราวิฟ กล่าวกับเธอได้ยินจากปากพวกเขาว่า เขาต้องนอนตามเก้าอี้ที่นำมาเรียงต่อกันในห้องที่ดูเหมือนกับห้องรับรอง และพวกเขาต้องรอหลายชั่วโมงเพื่อที่จะเข้าห้องน้ำ
อัดวา อาดาร์ หลานของ ยาฟฟาร์ อาดาร์ หญิงวัย 85 ปีที่เป็นหนึ่งในตัวประกันที่ฮามาสปล่อยตัวมาในช่วงสัปดาห์นี้ บอกกับเอพีว่า ยายของเธอน้ำหนักลดลงเช่นกัน พร้อมกับบอกว่า “เธอนั่งนับวันเวลาที่ถูกจับตัวไป” และ “เมื่อเธอกลับมา เธอได้กล่าวว่า ฉันรู้ว่าถูกจับอยู่ที่นั่นมา 50 วันแล้ว”
อาดาร์ กล่าวว่า ยายของเธอโดนจับไปเพราะเชื่อว่าสมาชิกในครอบครัวของเธอเสียชีวิตทั้งหมดแล้ว ก่อนที่จะได้รับรู้ความจริงในภายหลังว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ แต่การได้รับอิสรภาพของหญิงวัย 85 ปีรายนี้ก็ถือเป็นความรู้สึกแบบหวานอมขมกลืน เพราะเธอได้ทราบว่าบ้านของเธอถูกทำลายโดยกลุ่มติดอาวุธไปแล้ว
อาดาร์ บอกด้วยว่า “สำหรับหญิงวัย 85 ปี ที่มักจะมีบ้านของตนเองที่ได้เลี้ยงลูกหลาน ได้สร้างความทรงจำดี ๆ มีที่เก็บอัลบัมภาพ เสื้อผ้า ... เธอไม่เหลืออะไรเลย และในช่วงวัยชราเธอต้องกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ทั้งหมด เธอบอกว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับเธอ”
SEE ALSO: อิสราเอล-ฮามาส ตกลงขยายเวลาพักรบอีกสองวันตลอด 50 วันที่ฮามาสจับตัวประกันไป อิสราเอลได้ถล่มฉนวนกาซ่าทั้งทางอากาศและภาคพื้น คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์กว่า 14,000 คน อ้างอิงจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขกาซ่าที่บริหารโดยกลุ่มฮามาส และภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงเป็นเวลา 4 วันนี้ กลุ่มฮามาสตกลงที่จะปล่อยตัวประกัน 50 คนแลกกับการปล่อยนักโทษปาเลสไตน์ 150 คนจากฝั่งอิสราเอล และเปิดทางให้ความช่วยเหลือเข้าถึงกาซ่า
ตัวประกันชาวต่างชาติ 18 ชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทย ได้รับการปล่อยตัวในช่วงเวลาดังกล่าวเช่นกัน
ในวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงฉบับแรก ฮามาสปล่อยตัวประกันเพิ่มอีก 11 คน ทำให้ตอนนี้จะเหลือตัวประกันอีกเกือบ 180 คนในฉนวนกาซ่า ทางการอิสราเอลได้ระบุว่าจะขยายข้อตกลงอีก 1 วันหากฮามาสมีการปล่อยตัวประกันอีก 10 คน ก่อนที่ทางการกาตาร์ที่เป็นตัวกลางเจรจาจะระบุในวันจันทร์ว่าได้ขยายเวลาหยุดยิงออกไปอีก 2 วันจากนี้
วิถีชีวิตภายใต้การควบคุมตัวโดยกลุ่มฮามาส ได้รับการเปิดเผยเป็นครั้งแรกโดย โยเชเวด ลิปส์ชิส ตัวประกันวัย 85 ปีที่ได้รับการปล่อยตัวก่อนข้อตกลงหยุดยิงจะเกิดขึ้น เธอได้เล่าว่าเธออยู่ในอุโมงค์ใต้ดินในกาซ่า ที่ทอดยาวแผ่ขยาย “เหมือนกับใยแมงมุม” และว่าผู้ที่จับตัวเธอไว้ “บอกว่าพวกเขาเป็นผู้ที่เชื่อในคัมภีร์อัลกุรอ่านและจะไม่ทำร้ายพวกเรา”
เธอเสริมว่าเธอได้รับการดูแลอย่างดีและได้รับการดูแลทางการแพทย์ รวมทั้งได้รับยาด้วย นอกจากนี้ยังมีผู้ที่คอยดูแลความสะอาดสถานที่ตลอดเวลา ตัวประกันจะได้รับอาหารวันละ 1 มื้อ โดยมีชีส แตงกวา และแป้งพิต้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ที่ควบคุมตัวเธอกินแบบเดียวกัน
Your browser doesn’t support HTML5
มีปัจจัยบ่งชี้เบื้องต้นว่าตัวประกันที่ได้รับอิสรภาพไม่นานนี้ อาจถูกคุมขังอยู่ใต้ดินเหมือนกัน
เอยาล นูริ หลานชายของ อาดินา โมเช ตัวประกันวัย 72 ปีที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันศุกร์ บอกว่า ป้าของเขา “ต้องปรับตัวกับแสงแดด” เพราะเธอได้ใช้ชีวิตอยู่ในความมืดมาหลายสัปดาห์
นูริ กล่าวว่า “เธออยู่ในพื้นที่มืดสนิทไปหมด” และว่า “เธอต้องเดินโดยที่ตาก้มมองต่ำเพราะอยู่แต่ในอุโมงค์ เธอไม่คุ้นเคยกับแสงแดดปกติ และในช่วงที่ถูกจับตัวไป เธอถูกตัดขาด ... จากโลกภายนอกทั้งหมด” และเธอเองก็ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าจะได้รับการปล่อยตัวจนนาทีสุดท้าย “เมื่อเธอได้เห็นทีมกาชาด .. นั่นคือช่วงเวลาที่เธอรู้ว่า โอเค 7 สัปดาห์อันเลวร้ายได้สิ้นสุดลงแล้ว”
แต่สิ่งที่เธอได้รับรู้อีกอย่างหลังได้รับอิสรภาพก็คือ สามีของเธอถูกสังหารโดยกลุ่มฮามาส และครอบครัวของลูกชายของเธอรอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์
แพทย์ต่างออกโรงเตือนว่าตัวประกันอาจได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรงจากการถูกจองจำ อิสราเอลได้เปิดทางให้มีความช่วยเหลือด้านปัญหาสุขภาพจิตกับผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวทั้งหมดแล้ว แต่ตัวประกันส่วนใหญ่ดูจะอยู่ในสภาพร่างกายที่ดี และสามารถเดินและพูดได้อย่างปกติ
แต่มีอย่างน้อย 2 คนที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล หนึ่งในนั้น คือ อัลมา อับราฮัม วัย 84 ปีที่เข้ารับรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยอาการสาหัสถึงชีวิต เนื่องจากมีอาการเจ็บป่วยก่อนถูกจับตัวไปและไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมในช่วงนั้น และมีตัวประกันหญิงอายุน้อยที่ต้องใช้ไม้เท้า ปรากฏในคลิปที่ฮามาสเผยแพร่ในวันเสาร์
ยาอีร์ โรเทม ที่มีหลานสาววัย 12 ปี ฮิลา โรเทม-โชชานี ได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันอาทิตย์ กล่าวว่าเขาต้องคอยบอกเธอว่าไม่จำเป็นต้องกระซิบอีกต่อไปแล้ว เขากล่าวว่า “พวกเขาบอกให้ตัวประกันกระซิบและอยู่อย่างเงียบ ๆ ดังนั้นผมต้องคอยบอกเธอว่าตอนนี้เธอพูดเสียงดังได้แล้ว” และว่าฮิลา เตรียมฉลองวันเกิดอายุครบ 13 ขวบในวันจันทร์ ได้นอนหลับเต็มตื่นในอิสราเอล รวมทั้งกินอาหารได้แล้ว
ส่วนโอฮาด มันเดอร์ รายล้อมไปด้วยเพื่อน ๆ หลังได้รับการปล่อยตัว และฉลองวันเกิดปีที่ 9 ช้าไป 1 เดือน โดยมีการเมนูไอศกรีมและพิซซาฉลองในโรงพยาบาล
อีทาน วิลชิค เพื่อนของโอฮาด กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น Channel 13 ว่าเพื่อนของเขา “มีจิตใจที่เข้มแข็ง” และสามารถตอบคำถามว่าเขากินอะไรและเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้างตอนที่ถูกจับเป็นตัวประกันอยู่ แต่เขาปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเหล่านี้กับสื่อ เพราะต้องการเคารพความเป็นส่วนตัวของเพื่อน
วิลชิค กล่าวด้วยว่าครูได้ยกเลิกการบ้านที่มันเดอร์ต้องทำทั้งหมด และเพื่อน ๆ จะคอยช่วยเขาในวิชาเรียนที่หายไปช่วง 7 สัปดาห์นั้นด้วย พร้อมกับทิ้งท้ายว่า โอฮาดยังสามารถแก้รูบิคได้ไวในเวลาน้อยกว่า 1 นาทีได้อยู่ดี
- ที่มา: เอพี