รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน กล่าวโจมตีการประท้วงที่ลุกลามทั่วประเทศตอนนี้ มาจากการแทรกแซงกิจการภายในโดยสหรัฐฯ และซาอุดีอาระเบีย ซึ่งถือเป็นการท้าทายความมั่นคงของอิหร่านอย่างมาก
นายโมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน กล่าวในที่ประชุมด้านความมั่นคงของตะวันออกกลางที่กรุงเตหะราน เมื่อวันจันทร์ ซึ่งจัดขึ้นเพียง 2 วัน หลังจากการประชุมวาระฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC ที่ตั้งโต๊ะหารือในประเด็นการประท้วงอิหร่าน ที่นับเป็นการเคลื่อนไหวของประชาชนครั้งใหญ่ นับตั้งแต่การปฏิวัติอิหร่านเมื่อปี 2522 ย้ำว่า นโยบายตะวันออกกลางของสหรัฐฯ นั้น คือ ชนวนเหตุให้เกิดความไร้เสถียรภาพในตะวันออกกลาง แต่สหรัฐฯ กลับเลือกที่จะเพิกเฉยต่อความจริงดังกล่าว
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน พยายามกล่าวถึงประเทศที่ทรงอิทธิพลในตะวันออกกลาง ซึ่งคาดกันว่าหมายถึงซาอุดีอาระเบีย โดยบอกด้วยว่า มีบางประเทศในตะวันออกกลางที่พยายามใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายของประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสร้างความมั่นคงในประเทศตนเองได้
การประท้วงครั้งล่าสุดนี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2560 ที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลนายฮาสซาน รูฮานี ออกมาเคลื่อนไหวจากปัญหาข้าวยากหมากแพง ที่เมืองมาชฮัด ก่อนลุกลามบานปลายไปทั่วประเทศ
ล่าสุด มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 ราย และมีผู้ประท้วงถูกจับกุมมากกว่า 500 คนทั่วประเทศ