กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ คงคาดการณ์จีดีพีโลกไว้ที่ 3% พร้อมทั้งเตือนว่าเศรษฐกิจโลกยังอ่อนแอ และจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด
ปิแอร์-โอลิวิเยร์ กูรินชาส์ (Pierre-Olivier Gourinchas) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนไอเอ็มเอฟ กล่าวระหว่างการประชุมประจำปีของไอเอ็มเอฟเมื่อวันอังคารว่า “เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะที่ขับเคลื่อนแบบอ่อนกำลังไม่ใช่วิ่งไปอย่างรวดเร็ว” และเศรษฐกิจโลกเริ่มตกต่ำเนื่องจากรอยร้าวระหว่างตะวันออกและตะวันตกที่ขยายวงกว้างขึ้น
ไอเอ็มเอฟคาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกปีนี้จะอยู่ที่ 3% และจะโตช้าลงในปีหน้า ที่ 2.9% โดยภาวะถดถอยส่วนหนึ่งมาจากประเด็นความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ ที่กระทบต่อการค้าเสรีทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สงครามรัสเซียบุกยูเครนที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2022 ที่ทำให้มีมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียมากมาย รวมทั้งการลดการพึ่งพาจีนมากขึ้น
นักวิเคราะห์ประเมินว่า สงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาส อาจขยายความขัดแย้งระหว่างโลกตะวันออกและตะวันตก กระทบต่อการค้าในตะวันออกกลาง เพิ่มต้นทุนด้านน้ำมันทั่วโลก ซึ่งซ้ำเติมสถานการณ์ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงเพราะสงครามรัสเซียบุกยูเครน
เมื่อวันจันทร์ ราคาน้ำมันโลกดีดตัวสูงขึ้นถึง 4% หลังสงครามอิสราเอล-ฮามาสปะทุขึ้นช่วงสุดสัปดาห์
ด้านอาเจย์ บังกา กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารโลก กล่าวเมื่อวันอังคารด้วยว่า “มันเป็นโศกนาฏกรรมด้านมนุษยธรรม และเป็นการแรงสั่นสะเทือนทางเศรษฐกิจที่เราไม่ต้องการ”
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า “ยังเร็วเกินไป” ที่จะประเมินว่าเหตุรุนแรงในอิสราเอลจะกระทบเศรษฐกิจโดยรวมอย่างไร แต่หากความขัดแย้งยืดเยื้อ ต้นทุนราคาน้ำมันจะพุ่งสูงถึง 10% กระทบต่อการจีดีพีโลกราว 0.15% และทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นราว 0.4%
เมื่อมองเป็นรายประเทศสำคัญ ไอเอ็มเอฟ คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะโตได้ 2.1% ปีนี้ และ 1.5% ในปีหน้า ขณะที่เศรษฐกิจประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร หรือกลุ่มยูโรโซน จะเติบโต 0.7% ปีนี้ และ 1.2% ปีหน้า ส่วนเศรษฐกิจจีนคาดว่าจะโตที่ 5% ปีนี้ และ 4.2% ปีหน้า
- มีเนื้อหาบางส่วนจากเอพีและรอยเตอร์