มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ทำให้ หัวเหว่ย ขาดแคลนชิปสำหรับสมาร์ทโฟน

FILE PHOTO: The U.S. flag and a smartphone with the Huawei and 5G network logo are seen on a PC motherboard in this illustratio

Your browser doesn’t support HTML5

Business News


มาตรการคว่ำบาตรของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อบริษัท หัวเหว่ย ส่งผลให้ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจากจีนแห่งนี้เริ่มประสบปัญหาขาดแคลนชิปเพื่อใช้ในการผลิตสมาร์ทโฟนแล้ว

ริชาร์ด หยู ประธานด้านธุรกิจสินค้าอุปโภค ของ หัวเหว่ย เทคโนโลยีส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์สำหรับเครือข่ายโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในโลก เปิดเผยว่า สายการผลิตชิป “คิริน” ที่วิศวกรของบริษัทเป็นผู้ออกแบบจะต้องหยุดพักตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนนี้เป็นต้นไป เพราะบริษัทคู่สัญญาที่ทำหน้าที่ผลิตจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีของสหรัฐฯ ในการทำงาน

รัฐบาลกรุงวอชิงตันประกาศห้าม หัวเหว่ย ไม่ให้เข้าถึงชิ้นส่วนและเทคโนโลยีใดๆ ที่สหรัฐฯ เป็นผู้คิดค้นและผลิต ตั้งแต่ปีที่แล้ว ก่อนจะสั่งห้ามผู้ขายทั่วโลกใช้เทคโนโลยีของสหรัฐฯ ในการผลิตส่วนประกอบให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติจีนแห่งนี้ ตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา เนื่องจากเหตุผลด้านเทคโนโลยีและความมั่นคงของประเทศ ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนตึงเครียดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หยู กล่าวว่า สถานการณ์ที่กำลังใกล้เข้ามาถือเป็นความเสียหายอย่างมากสำหรับบริษัท และปีนี้อาจจะเป็นปีสุดท้ายของการพัฒนาชิป “คิริน” รุ่นล่าสุด ซึ่งหมายถึงการหยุดการผลิตสมาร์ทโฟนของหัวเหว่ยด้วย

ขณะเดียวกัน หยู ระบุว่า ยอดขายสมาร์ทโฟนของหัวเหว่ยในปีนี้จะออกมาต่ำกว่าระดับ 240 ล้านเครื่องที่จำหน่ายทั่วโลกเมื่อปีที่แล้ว

ทั้งนี้ ข้อมูลจากบริษัท Canalys ซึ่งเชี่ยวชาญด้านข้อมูลการตลาดสินค้าเทคโนโลยี ยืนยันว่า หัวเหว่ยกลายมาเป็นแบรนด์ของสมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดในโลกในช่วงไตรมาศที่ 2 ของปีนี้ โดยสามารถแซงหน้าซัมซุงเป็นครั้งแรก เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดจีน

บริษัทยักษ์ใหญ่จากจีนแห่งนี้ มีการจ้างงานราว 180,000 ตำแหน่งทั่วโลก และมีงบประมาณสำหรับการค้นคว้าและวิจัยที่สูงที่สุดในโลกก้อนหนึ่ง ที่กว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของสายการผลิต และเลือกจ้างคู่สัญญาทำการผลิตแทน