รัฐบาลอังกฤษประกาศอย่างเป็นทางการในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ห้ามการใช้งานอุปกรณ์โทรคมนาคมทุกชนิดจากบริษัทเทคโนโลยี หัวเหว่ย ของจีน ในการพัฒนาโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ความเร็วสูงของประเทศ
โอลิเวอร์ ดาวเดน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมอังกฤษ กล่าวในวันอังคารว่า ผู้ประกอบการธุรกิจโทรคมนาคมในประเทศต้องถอดอุปกรณ์ทุกอย่างที่ผลิตโดย บริษัท หัวเหว่ย และติดตั้งในระบบและโครงข่าย 5G อยู่ในเวลานี้ ออกให้หมดก่อนปี ค.ศ. 2027
รมต.วัฒนธรรมอังกฤษ เปิดเผยว่า การสั่งห้าม หัวเหว่ย ไม่ให้เข้าร่วมโครงการพัฒนาโครงข่ายครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากสหรัฐฯ ขู่ที่จะยกเลิกข้อตกลงการแบ่งปันข้อมูลระหว่างสองประเทศ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปกรณ์ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากจีน ที่อาจเปิดทางให้รัฐบาลกรุงปักกิ่งเจาะเข้าระบบข้อมูลของอังกฤษได้
รัฐมนตรี ดาวเดน ยังยอมรับด้วยว่า การตัดสินใจครั้งนี้จะส่งผลให้การเปิดตัวเทคโนโลยี 5G ของอังกฤษล่าช้าออกไปจากกำหนดเดิมราว 2-3 ปี และทำให้ต้นทุนสูงขึ้นอย่างน้อย 2,500 ล้านดอลลาร์
รายงานข่าวระบุว่า การตัดสินใจประกาศห้าม หัวเหว่ย ให้เข้าร่วมโครงการพัฒนาเทคโนโลยีครั้งนี้ อาจส่งผลกระทบระหว่างความสัมพันธ์ของอังกฤษกับจีน ขณะที่บ่งชี้ว่า บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีนแห่งนี้เริ่มสูญเสียแรงสนับสนุนจากลูกค้าทางซีกโลกตะวันตกมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ทั้งนี้ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ตัดสินใจอนุญาตให้ หัวเหว่ย เข้าร่วมการพัฒนาเครือข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง โดยจำกัดการมีส่วนร่วมไว้ที่ 35 เปอร์เซ็นต์ ก่อนที่สหรัฐฯ จะออกมาแย้ง และร่วมมือกับพันธมิตรในการล็อบบี้ให้อังกฤษสั่งห้ามไม่ให้ หัวเหว่ย เข้าร่วมโครงการต่างๆ เนื่องจากความเสี่ยงที่ว่า บริษัทที่มีสายสัมพันธ์กับหน่วยงานสืบราชการลับของจีนแห่งนี้จะทำตัวเป็น “ม้าไม้เมืองทรอย” (Trojan Horse) เข้ามาสืบราชการลับและทำการจารกรรมความลับต่างๆ
อย่างไรก็ดี หัวเหว่ย ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้และโต้ว่า สหรัฐฯ มีจุดประสงค์ต้องการเพิ่มสัดส่วนธุรกิจของบริษัทอเมริกันด้วยการโจมตีคู่แข่ง ขณะที่ เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีน ซึ่งรวมถึงเอกอัครราชทูตจีนประจำอังกฤษ ได้ออกมาส่งสัญญาณเตือนเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้วว่า การปิดกั้น หัวเหว่ย อาจจะมีผลกระทบสะท้อนกลับมาที่อังกฤษได้
นักวิเคราะห์และนักการทูตหลายรายให้ความเห็นว่า การตัดสินใจประกาศห้าม หัวเหว่ย ของอังกฤษครั้งนี้ เป็นเหมือนชัยชนะครั้งสำคัญสำหรับรัฐบาลของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และพันธมิตรตะวันตก