นักลงทุนต่างจับตาการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ใกล้ชิด ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดว่าพรรคใดจะกุมเสียงข้างมากในสภาสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลต่อหุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับนโยบายของรัฐบาลอเมริกันด้านต่าง ๆ ตั้งแต่หุ้นพลังงานไปจนถึงหุ้นธุรกิจกัญชา
บริษัทที่ปรึกษาด้านการเงิน Strategas ชี้ว่าผู้ลงทุนราว 70% ดูจะเทไปกับชัยชนะของพรรครีพับลิกันในทั้งสองสภา
รัฐบาลที่แบ่งแยกเช่นนี้อาจนำไปสู่จุดติดขัดทางการเมืองและอุปสรรคในการเปลี่ยนแปลงนโยบายสำคัญ ๆ เป็นสิ่งที่บรรดานักลงทุนต่างมองว่าเป็นผลดีต่อหุ้น โดยจากการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งที่ผ่าน ๆ มา ไม่ว่าฝ่ายใดจะได้ครองเสียงข้างมากในสภาสหรัฐฯ จะส่งผลให้ตลาดหุ้นอยู่ในแดนบวก และอาจเป็นข่าวดีสำหรับนักลงทุน หลังจากดัชนี S&P 500 ร่วงลงเกือบ 21% ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม รูปแบบรัฐบาลเช่นนี้ จะกรุยทางสู่การเผชิญหน้าในประเด็นการขยายกรอบเพดานหนี้สาธารณะ ที่กระตุ้นความกังวลต่อความเสี่ยงการผิดชำระหนี้ของสหรัฐฯ
มาเจาะลึกกันว่าหุ้นในอุตสาหกรรมใดจะได้รับผลกระทบจากศึกเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ บ้าง?
กลาโหม
ไม่ว่าผลการเลือกตั้งกลางเทอมจะออกมาเป็นเช่นไร งบประมาณด้านกลาโหมคาดว่าจะพุ่งสูงต่อไป ท่ามกลางความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์จากความขัดแย้งในยูเครน แต่หากฝั่งรีพับลิกันได้เสียงข้างมากทั้งสองสภาจะเป็นการกำหนดทิศทางว่างบประมาณด้านกลาโหมจะเพิ่มขึ้น “อย่างมีนัยสำคัญ” ในทัศนะของ UBS Global Wealth Management เมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้นอย่าง “พอประมาณ” หากพรรคเดโมแครตยังได้เสียงข้างมากอย่างน้อยหนึ่งสภา
สมการการเมืองแบบนี้ จะฉายแสงไปยังหุ้นอย่าง Lockheed Martin หรือ Raytheon Technologies จากที่ตอนนี้ดัชนีหุ้นในกลุ่มธุรกิจการบินอวกาศและกลาโหมใน S&P 500 ปรับพุ่งขึ้นเกือบ 10% แล้วในปีนี้
พลังงาน
หุ้นพลังงานทะยานทำผลงานได้ดีในปีนี้ โดยหุ้นกลุ่มพลังงานใน S&P 500 เพิ่มขึ้นกว่า 60% ในปีนี้ ในระหว่างที่ดัชนีหลักทรัพย์โดยรวมร่วงราว 21%
หากพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้งสองสภา อาจมีการผลักดันนโยบายที่จะกระตุ้นการผลิตพลังงานของสหรัฐฯ ตามการวิเคราะห์ของ Citi ซึ่งจะเอื้อต่อบริษัทสำรวจน้ำมัน ในขณะที่ต้องคำนึกถึงปัจจัยด้านแรงกดดันของราคาน้ำมันโลกด้วย
ทาง Strategas ประเมินว่า มาตรการที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมด้านพลังงานโดยตรงจะส่งผลเชิงบวกต่อบริษัทท่อขนส่งพลังงานด้วยเช่นกัน
พลังงานสะอาด
บริษัทด้านการลงทุน State Street Global Advisors มองว่า หากพรรครีพับลิกันครองสองสภาหลังเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ หุ้นธุรกิจพลังงานสะอาดจะได้รับผลกระทบเชิงลบ อาทิ ธุรกิจแผงพลังงานแสงอาทิตย์ และหุ้นด้านพลังงานทางเลือก แต่หากพรรคเดโมแครตที่ผลักดันนโยบานด้านพลังงานสะอาดได้ครองเสียงข้างมาก จะหนุนให้หุ้นในกลุ่มนี้ปรับตัวสูงขึ้น จากที่ในปีนี้กองทุน Invesco Solar ETF ที่มุ่งลงทุนด้านพลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือกปรับลดลง 6% ไปแล้ว
ธุรกิจสุขภาพ
หุ้นบริษัทยาและเวชภัณฑ์และเทคโนโลยีด้านชีวภาพอาจได้รับประโยชน์หากพรรครีพับลิกันได้ครองเสียงข้างมากในสภาสหรัฐฯ หลังจากพรรคเดโมแครตผลักดันกฎหมายที่มุ่งเป้าปรับลดราคายาที่แพทย์สั่งจ่ายในสหรัฐฯ
ทัศนะของนักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ชี้ว่า หุ้นกลุ่มนี้ได้เคลื่อนไหวไปในทางตรงข้ามกับฝั่งที่คาดว่าพรรคเดโมแครตจะได้ครองสองสภาในการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ จากที่ในช่วงที่ผ่านมา หุ้นธุรกิจสุขภาพลดลง 7% ในปีนี้ ขณะที่หุ้นยาและเวชภัณฑ์ปรับขึ้นประมาณ 1%
ความมั่นคง
ทาง Strategas มองว่า สภาคองเกรสที่พรรครีพับลิกันกุมเสียงข้างมากจะผลักดันนโยบายความมั่นคงบริเวณพรมแดนสหรัฐฯ เป็น “ประเด็นสำคัญอันดับต้น ๆ”
ระหว่างที่บริษัทเรือนจำเอกชนและศูนย์กักกัน อย่าง CoreCivic และ Geo Group กำลังเผชิญกับ “กระแสข่าวเชิงลบอย่างต่อเนื่อง” ในช่วงการบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน “ความเสี่ยงต่อนโยบายอื่น ๆ ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะสลายหายไปในยุคที่สมการการเมืองเปลี่ยนแปลง” ตามข้อมูลจากบริษัท BTIG โดยที่ผ่านมา หุ้น CoreCivic เพิ่มขึ้น 12% ขณะที่หุ้น Geo Group เพิ่มขึ้น 15% ในปีนี้
ธุรกิจกัญชา
หุ้นในธุรกิจกัญชา อย่าง Canopy Growth ดูมีการเคลื่อนไหวอยู่เป็นประจำ จากความพยายามผลักดันกัญชาถูกกฎหมายในสหรัฐฯ ซึ่งกฎหมายที่สนับสนุนธุรกิจกัญชาเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาสหรัฐฯ ตามข้อมูลของ Strategas ขณะที่กองทุน The AdvisorShares Pure US Cannabis ETF ปรับลดลง 55% ในปีนี้
บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่
ตอนนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าแผนการปฏิรูปบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จะได้รับเสียงสนับสนุนท่วมท้นหรือไม่ ในทัศนะของ Citi แต่ชัยชนะของพรรครีพับลิกันไม่ว่าจะในสภาสูงหรือสภาล่าง “อาจหมายถึงจุดชะงักงันด้านการผลักดันกฎหมาย และส่งผลเชิงบวกต่อธุรกิจเหล่านี้” โดยที่ผ่านมาดัชนีหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่ปรับร่วงลงราว 30% ในปีนี้
- ที่มา: รอยเตอร์