ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของฮ่องกงในวันพฤหัสบดีพุ่งสูงทำสถิติใหม่รายวันที่กว่า 56,000 ราย ขณะที่ ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษของจีนแห่งนี้ปฏิเสธว่า กำลังมีแผนที่จะสั่งดำเนินมาตรการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบในเร็วๆ นี้
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ สื่อท้องถิ่นของฮ่องกงรายงานว่า รัฐบาลผู้บริหารเกาะกำลังจะเตรียมสั่งล็อกดาวน์ทั่วพื้นที่ เพื่อช่วยดำเนินมาตรการทดสอบการติดเชื้อประชาชนทุกคนในเดือนมีนาคม
หนังสือพิมพ์ ชิง เต่า เดลี่ ซึ่งเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ภาคภาษาจีนที่เก่าแก่ที่สุดของฮ่องกง รายงานโดยอ้างถึงแหล่งข่าวที่ไม่สามารถเปิดเผยตัวได้ว่า การทดสอบการติดเชื้อประชาชนนั้นมีกำหนดเริ่มขึ้นในวันที่ 17 มีนาคมนี้ หลังมีการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ
แต่ต่อมา แครี แลม ผู้บริหารเกาะฮ่องกง ออกมาย้ำว่า จะไม่มีการสั่งล็อกดาวน์ดังที่มีรายงานข่าวออกมา แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนจะพุ่งขึ้นต่อเนื่อง จนทำให้ระบบสาธารณสุขของฮ่องกงเริ่มอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถดูแลผู้ป่วยได้ทุกคนแล้วก็ตาม
คำยืนยันของ แลม ขัดกับสิ่งที่ โซเฟีย ชาน รัฐมนตรีสาธารณสุขฮ่องกง บอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ทางการยังคงกำลัง “พิจารณา” แผนการล็อกดาวน์อยู่
ดร.เดวิด โอเวนส์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยฮ่องกง (Hong Kong University) ให้ความเห็นว่า การสั่งล็อกดาวน์ในเดือนมีนาคมนั้น เป็นมาตรการที่ “ไม่มีเหตุผล” เลย แม้ว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขหลายรายจะเห็นพ้องต้องกันว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในระลอกที่ 5 ของฮ่องกงนี้น่าจะอยู่ในช่วงรุนแรงที่สุดภายใน 2 สัปดาห์แรกของเดือนมีนาคมก็ตาม
อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ เดอะ สแตนดาร์ด (The Standard) รายงานว่า การสำรวจความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับประเด็นนี้โดยพรรคการเมืองที่สนับสนุนจีนแผ่นดินใหญ่ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามราว 90% จากทั้งหมดกว่า 13,000 คนเห็นด้วยกับการดำเนินมาตรการล็อกดาวน์ทั่วฮ่องกง โดยต้องการให้มีการดำเนินแผนงานตรวจสอบการติดเชื้อสำหรับประชาชนทุกคนควบคู่ไปด้วย