หลังจากซบเซามาหลายสัปดาห์ติดต่อกัน ตลาดหนังในอเมริกาเหนือสุดสัปดาห์นี้กลับมาคึกคักอีกครั้งจากการเปิดตัวหนังใหม่หลายเรื่อง ตั้งแต่ ฮังเกอร์ เกมส์ ภาคล่าสุด และภาคต่อของหนังแอนิเมชั่นสีสันสดใส “Trolls” รวมทั้งหนังสยองขวัญที่ใช้บรรยากาศของเทศกาลขอบคุณพระเจ้า “Thanksgiving”
“The Hunger Games: The Ballad of Songbirds & Snakes” เรื่องราวจุดกำเนิดของประธานาธิบดีโคริโอเลนัส สโนว์ ในช่วงที่ยังหนุ่ม หรือราว 64 ปีก่อนที่จะกลายมาเป็นไตรภาค ฮังเกอร์ เกมส์ อันโด่งดัง ที่ออกฉายเมื่อกว่า 10 ปีก่อน
อย่างไรก็ตาม “The Ballad of Songbirds & Snakes” เก็บรายได้สัปดาห์เปิดตัวไปเพียง 44 ล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่า 4 ตอนแรกที่นำแสดงโดย เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ซึ่งทำรายได้เปิดตัวเกิน 100 ล้านดอลลาร์ทุกตอน
แต่เมื่อรวมกับรายได้ตลาดต่างประเทศ ฮังเกอร์ เกมส์ ตอนใหม่นี้ทำรายได้รวมไปเกือบ 100 ล้านดอลลาร์เช่นกัน ซึ่งทางสตูดิโอไลออนส์ เกตส์ บอกว่าเป็นตัวเลขที่ใช้ได้เลยทีเดียว ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า ภาคต่อของฮังเกอร์ เกมส์ นี้น่าจะเก็บรายได้เพิ่มขึ้นอีกมากในช่วงวันหยุดเทศกาลขอบคุณพระเจ้าในสุดสัปดาห์หน้า
“Trolls Band Together” ภาคต่อตอนที่สามของหนังแอนิเมชั่น Trolls เปิดตัวที่อันดับสองด้วยรายได้ 30.6 ล้านดอลลาร์ในตลาดอเมริกาเหนือ โดยได้แอนนา เคนดริก และจัสติน ทิมเบอร์เลค กลับมาให้เสียงอีกครั้ง
“The Marvels” หนังซูเปอร์ฮีโร่พลังหญิงเรื่องล่าสุดที่ทำรายได้เปิดตัวต่ำที่สุดของค่ายมาร์เวลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่ลงในสัปดาห์ที่สองเมื่อเก็บเงินเพิ่มไปได้อีกเพียง 10.2 ล้านดอลลาร์ ตกไปอยู่ที่อันดับสามของตารางบ็อกซ์ออฟฟิศ กลายเป็นหนังคว่ำของมาร์เวลที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก
“Thanksgiving” หนังสยองขวัญต้นทุนต่ำที่อาศัยบรรยากาศของวันขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐฯ เปิดตัวที่อันดับสี่ด้วยรายได้ 10.2 ล้านดอลลาร์สูสีกับหนังฟอร์มยักษ์อย่าง “The Marvels” โดยทางสตูดิโอหวังว่าจะดึงบรรดาผู้ชมวัยรุ่นและวันผู้ใหญ่ตอนต้นเข้าโรงหนังได้ในช่วงวันหยุด Thanksgiving ในสัปดาห์หน้า
อันดับห้า “Five Nights at Freddy’s” เก็บเพิ่มอีก 3.5 ล้านดอลลาร์
1. “The Hunger Games: The Ballad of Songbirds & Snakes,” $44 million.
2. “Trolls Band Together,” $30.6 million.
3. “The Marvels,” $10.2 million.
4. “Thanksgiving,” $10.2 million
5. “Five Nights at Freddy’s,” $3.5 million.
6. “The Holdovers,” $2.7 million.
7. “Next Goal Wins,” $2.5 million.
8. “Taylor Swift: The Eras Tour,” $2.4 million.
9. “Priscilla,” $2.3 million.
10. “Killers of the Flower Moon,” $1.9 million.
- ที่มา: เอพี