กรีซเตรียมออกกฎปรับเงินผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีนที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ในขณะที่มีการระบาดในประเทศมากขึ้น กฎดังกล่าวทำให้เกิดข้อถกเถียงถึงเสรีภาพพลเรือนในประเทศต้นแบบประชาธิปไตยแบบตะวันตกนี้
นายกรัฐมนตรีคิเรียกอส มิตโซตากิส ของกรีซ ประกาศใช้กฎดังกล่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉิน โดยเขายอมรับว่ากังวลถึงการใช้มาตรการดังกล่าว แต่ต้องบังคับใช้เพื่อปกป้องกลุ่มคนที่เปราะบางต่อไวรัสที่สุด แม้อาจทำให้คนกลุ่มดังกล่าวไม่พอใจก็ตาม
กฎใหม่นี้จะกำหนดให้ชาวกรีกที่มีอายุมากกว่า 60 ปีต้องฉีดวัคซีน ไม่เช่นนั้นจะเสียค่าปรับเป็นเงิน 113 ดอลลาร์ ซึ่งหน่วยงานด้านภาษีจะเริ่มเก็บในเดือนหน้า
นับจนถึงวันพุธ กรีซยังไม่พบผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน แต่มีการระบาดของเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้นเป็นสถิติใหม่ แม้จะมีการใช้มาตรการต่างๆ เช่น ห้ามผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีนเข้าร้านอาหารแบบในอาคาร ยิม และโรงภาพยนตร์
ผู้นำกรีซกล่าวว่า มาตรการดังกล่าวมีเพื่อกระตุ้นให้ผู้สูงอายุไปฉีดวัคซีน และจะช่วยรักษาชีวิตได้จำนวนมาก
ทั้งนี้ ประชากรกรีซราว 63 เปอร์เซ็นต์จากทั้งหมด 11 ล้านคน ฉีดวัคซีนครบแล้ว ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในสหภาพยุโรป ที่ฉีดวัคซีนแล้วราว 66 เปอร์เซ็นต์
เจ้าหน้าที่รัฐบาลกรีซกล่าวกับวีโอเอว่า การตัดสินใจของนายมิตโซตากิสเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามหลีกเลี่ยงการล็อคดาวน์ทั้งประเทศอีกครั้ง ซึ่งอาจทำลายเศรษฐกิจของประเทศได้
วาสซิลิส คิโอติส นักวิเคราะห์การเมือง ระบุว่า ท่าทีจากรัฐบาลกรีซเป็นการส่งสัญญาณถึงภาคส่วนต่างๆ ในประเทศ ทั้งภาคการท่องเที่ยว ภาคศาสนา ให้ปฏิบัติตามคำขอของรัฐบาลในการฉีดวัคซีนเพื่อหลีกเลี่ยงการล็อคดาวน์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ออสเตรียเป็นประเทศประชาธิปไตยตะวันตกประเทศแรกที่กำหนดให้ประชาชนทุกคนต้องฉีดวัคซีน โดยผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีนภายในเดือนกุมภาพันธ์จะเสียค่าปรับสูงถึง 4,000 ดอลลาร์และอาจถูกจำคุก
พรรคฝ่ายค้านของกรีซวิจารณ์ว่า รัฐบาลควรใช้ทางเลือกอื่นก่อนที่จะขู่ปรับเงินผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ได้ด้วยเงินบำนาญ ในขณะที่ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการฉีดวัคซีนระบุว่า ท่าทีจากรัฐบาลเป็นการละเมิดเสรีภาพพลเมืองของพวกเขา
ทั้งนี้ รัฐบาลกรีซมองว่าท่าทีจากผู้นำกรีซน่าจะส่งสัญญาณในทางที่ดี โดยทางการสาธารณสุขกรีซระบุว่า มีผู้ขอฉีดวัคซีนมากขึ้นสามเท่าเป็น 6,000 คน เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังมีการประกาศปรับเงินผู้ไม่ฉีดวัคซีน