รัฐบาลอินเดียเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่เมืองใหญ่ แต่ประชาชนยังคงใช้ความระมัดระวังในการใช้ชีวิตด้วยความกลัวการติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ ขณะที่กรีซส่งโดรนออกตรวจความเรียบร้อยในการใช้ชีวิตของประชาชนเพื่อป้องกันการทำผิดกฎการป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส หลังเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวให้กลับมาอีกครั้ง
กรุงนิวเดลีและนครมุมไบ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงินของอินเดีย เริ่มเปิดทำการตามปกติอีกครั้ง หลังต้องปิดยาวเป็นเวลา 2 เดือนเพราะการกลับมาระบาดระลอกที่ 2 ของโคโรนาไวรัส ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อระบบสาธารณสุขและทำลายความหวังที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศที่เพิ่งกลับมาดำเนินกิจกรรมต่างๆ ได้อีกครั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้เอง
นอกจากเมืองใหญ่ทั้งสองแห่งแล้ว รัฐบาลอินเดียยังผ่อนคลายมาตรการจำกัดอื่นๆ ในพื้นที่หลายรัฐที่มีการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลดลงด้วย
แต่แม้ร้านค้าและกิจการต่างๆ จะเปิดประตูรับลูกค้ากันแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่ยังเลือกที่จะอยู่แต่ภายในเคหสถาน เนื่องจากความกลัวเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ที่ติดได้ง่ายกว่าและมีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์แรกที่พบในการระบาดเมื่อปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ยังคงมีการควบคุมเงื่อนไขการดำเนินธุรกิจทั้งหลายในเมืองต่างๆ เช่น บริการรถไฟฟ้าในกรุงนิวเดลีที่มีการกำหนดจำนวนผู้โดยสารให้ต่ำกว่าปกติ และเจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจตราความเรียบร้อยในเมืองหลวงของประเทศเพื่อให้แน่ใจว่ายังคงมีการสวมใส่หน้ากากและรักษาระยะห่างทางสังคมอยู่ ขณะที่ นครมุมไบ ประกาศให้ธุรกิจทั้งหมดอนุญาตพนักงานเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่จะเข้าพื้นที่ทำงานได้ รวมทั้งยังมีการระงับการให้บริการรถไฟในเมืองนี้ต่อไปอยู่ เป็นต้น
นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดิ ออกแถลงการณ์ในวันจันทร์ที่ระบุวา การผ่อนคลายมาตรการต่างๆ นั้นไม่ควรทำให้ประชาชนทั้งหลายคิดว่าวิกฤตโควิด-19 ได้สิ้นสุดลงแล้ว และยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามขั้นตอนคำแนะนำทั้งหมดจนกว่าการระบาดจะยุติลง
ข้อมูลจาก มหาวิทยาลัย จอนส์ ฮฮพกินส์ ณ บ่ายวันจันทร์ตามเวลาในสหรัฐฯ ระบุว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมในอินเดียอยู่ที่กว่า 28.9 ล้านคน และจำนวนผู้เสียชีวิตนั้นอยู่ที่ 349,186 คนแล้ว
ปฏิบัติการโดรนควบคุมโควิดในกรีซ
ส่วนที่กรีซ ทางการเกาะมิโคโนส ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของประเทศ เตรียมส่งโดรนจำนวน 15 ตัวขึ้นออกตรวจสถานการณ์บนเกาะ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการละเมิดมาตรการป้องกันการระบาดและการกลับคืนมาของเชื้อโคโรนาไวรัส
รายงานข่าวระบุว่า ทางการกรีซวางแผนโครงการที่ชื่อว่า “ปฏิบัติการณ์มิโคโนส” (Operation Mykonos) หลังมีการจัดงาน “โคโรนา-ปาร์ตี้” หลายงานในพื้นที่วิลล่าและที่พักส่วนตัวของผู้ประกอบธุรกิจหลายคนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการหลบเลี่ยงที่จะปฏิบัติตามกฎสั่งห้ามไม่ให้ธุรกิจไนท์คลับเปิดทำการ
ทางการของเกาะบอกกับ วีโอเอ ว่า ภายใต้โครงการนี้ โดรนทั้งหมดจะถูกส่งขึ้นไปบินเหนือพื้นที่วิลล่าและสถานบริการส่วนบุคคลทั้งหลายทั่วเกาะมิโคโนส ที่มีรายงานการจัดงานปาร์ตี้ดังกล่าวและมีทั้งคนบนเกาะและนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายร้อยคนเข้าร่วม ขณะที่ทีมเจ้าหน้าที่จะเตรียมพร้อมเข้าตรวจจับสถานบริการใดๆ ก็ตาม ที่มีการแจ้งว่าทำการละเมิดกฎ รวมทั้งจะจับกุมและสั่งปรับผู้กระทำผิดทั้งหมดด้วย
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังเกาะมิโคโนส ต้องปฏิบัติตามกฎการล็อกดาวน์ มาตรการเคอร์ฟิว และมาตรการรักษาความปลอดภัยทั้งหมด ตลอดระยะเวลาที่พำนักอยู่ที่นี่
ผู้ที่กระทำผิดกฎการควบคุมการระบาดของเกาะจะมีโทษปรับตั้งแต่ 365 ดอลลาร์ไปจนถึง 6,000 ดอลลาร์
สเปนเปิดพรมแดนต้อนรับนักท่องเที่ยว
ขณะเดียวกัน รัฐบาลสเปนเริ่มดำเนินการส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อนของปีนี้ ด้วยการประกาศต้อนรับผู้มาเยือนจากเกือบทุกประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เรียบร้อยแล้ว พร้อมการอนุญาตให้เปิดท่าเรือเพื่อรองรับเรือสำราญทั้งหลายด้วย
การเปิดพรมแดนของสเปนเพื่อต้อนรับนักเดินทางจากต่างประเทศ ซึ่งรวมถึง สหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ที่ไม่ใช่สมาชิกของอียู ในวันจันทร์นั้น นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคมของปีที่แล้ว ที่มีการปิดประเทศเพราะการระบาดใหญ่ของโควิด-19
ตามประกาศของรัฐบาลสเปนนั้น ผู้ที่จะเดินทางเข้าสเปนได้นั้นจะต้องแสดงหลักฐานอย่างเป็นทางการที่ระบุว่า ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดสแล้วอย่างน้อย 14 วัน หรือหายป่วยจากการติดโควิด-19 ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ก่อนที่จะมาถึงสเปน โดยเอกสารรับรองดังกล่าวจะต้องมีรายละเอียดเป็นภาษาสเปน อังกฤษ ฝรั่งเศส หรือเยอรมัน หรือการแปลเอกสารต้นฉบับให้เป็นภาษาสเปน และวัคซีนที่ทางการยอมรับนั้นคือ วัคซีนที่สำนักงานยายุโรปอนุมัติแล้ว อันได้แก่ วัคซีนของ ไฟเซอร์-ไบโอเอนเท็ค โมเดอร์นา แอสตราเซเนกา จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และวัคซีนของซิโนฟาร์มและซิโนแวคจากจีน ที่องค์การอนามัยโลกอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินแล้ว
อย่างไรก็ดี สเปน ยังคงไม่รับผู้ที่เดินทางมาจาก บราซิล อินเดีย และแอฟริกาใต้ ที่มีรายงานการพบเชื้อไวรัสกลายพันธุ์เมื่อไม่นานมานี้
