ฝรั่งเศสเผชิญภาวการณ์ระบาดระลอก 3 ของโคโรนาไวรัส

A man leaves a vaccination site with a sign reading "No vaccination with the AstraZeneca vaccine today," in Saint-Jean-de-Luz, southwestern France, March 16, 2021.

แม้ทางการฝรั่งเศสจะเริ่มการแจกจ่ายวัคซีนต้านโควิด-19 ให้กับประชาชนมาระยะหนึ่งแล้ว แต่สถานการณ์การระบาดกลับรุนแรงขึ้นอีกครั้งและรัฐบาลกรุงปารีสกำลังถูกกดดดันที่จะต้องดำเนินมาตรการคุมเข้มอีกครั้งเพื่อรับมือกับการระบาดระลอกที่ 3

รายงานข่าวระบุว่า วิกฤตโควิด-19 ในกรุงปารีสกำลังรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว และโรงพยาบาลทั้งหลายกำลังใกล้ประสบปัญหาไม่สามารถรับคนไข้ใหม่ในเร็วๆ นี้แล้ว โดยตัวเลขล่าสุด ณ วันจันทร์ ระบุว่า มีผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วยฉุกเฉินถึงกว่า 4,200 คนทั่วประเทศ

การระบาดในระลอกที่ 3 ของฝรั่งเศสนี้ ยังทำให้โรงพยาบาลและศูนย์แพทย์ต่างๆ จำต้องเคลื่อนย้ายและกระจายผู้ป่วยหนักจากการติดเชื้อโคโรนาไวรัสให้ไปรักษาตัวที่พื้นที่อื่นๆ ของประเทศ เนื่องจากไม่มีเตียงพอรับคนไข้ที่เพิ่มขึ้นทุกๆ วัน

เอนริเก คาซาลิโน นายแพทย์ประจำ โอปิโต เดอ ปารี (Hopitaux de Paris) ซึ่งเป็นระบบการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในแคว้นปารีสกำลังรุนแรงหนัก และพิสูจน์ได้จากการที่มีคนไข้ใหม่ต้องย้ายตัวเข้าห้องไอซียู ทุกๆ 12 นาที พร้อมให้ความเห็นว่า การย้ายผู้ป่วยไปยังแคว้นอื่นๆ ของประเทศนั้นเป็นเพียงทางออกชั่วคราว และไม่ได้แก้ปัญหาวิกฤตครั้งนี้แต่อย่างใด

นพ.คาซาลิโน กล่าวเสริมว่า ในเวลานี้ มีทางออกอยู่เพียง 2 ทางสำหรับฝรั่งเศส คือ การเร่งฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันขนานใหญ่อย่างรวดเร็วสำหรับประชากรราว 70 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะทำได้ หรือไม่ ทางการต้องดำเนินมาตรการล็อคดาวน์เข้มงวดเพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสแพร่กระจายไปไหนได้อีก

Phials of the Astra-Zeneca Covid-19 vaccine

ทั้งนี้ ฝรั่งเศสประสบปัญหาการรับวัคซีนที่นำส่งมาล่าช้าอยู่ และรัฐบาลเองเพิ่งระงับการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทแอสตราเซเนกาไว้ เนื่องจากความวิตกกังวลของประชาชนเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาตัวนี้

ปัจจุบัน ทางการฝรั่งเศสได้สั่งให้มีการปิดพื้นที่บางส่วนที่มีการระบาดรุนแรงหนัก เช่น ดันเคิร์ก และ นีซ แต่ยังไม่ได้ขยายการบังคับใช้มายังพื้นที่เมืองหลวง

นอกจากนั้น ยังมีการใช้คำสั่งเคอร์ฟิวช่วงค่ำมาตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม ขณะที่ บาร์ ภัตตาคารร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ และโรงละครและโรงภาพยนตร์ยังคงปิดให้ทำการต่อไป

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาคร็อง แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการดำเนินมาตรการล็อคดาวน์ทั่วประเทศรอบที่ 3 แม้อิตาลีที่อยู่ติดกันจะดำเนินการไปแล้วเมื่อวันจันทร์ก็ตาม

ฌอง คาสเท็กซ์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส กล่าวว่า มาตรการล็อคดาวน์ทั่วประเทศจะเป็นทางเลือกสุดท้าย ซึ่งยังมีโอกาสที่จะถูกนำมาใช้ เพราะสถานการณ์ในปัจจุบันที่ยังน่าห่วงอยู่ แต่ตนหวังที่จะหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้กลายมาเป็นภาระหนักสำหรับประชาชนในประเทศ