“ลีอา” ชุดทดสอบการตั้งครรภ์กระดาษ กดทิ้งในถังชักโครกได้

แบบทดสอบการตั้งครรภ์แบบใช้แล้วทิ้ง

แบทธานี่ เอ็ดเวิร์ดส (Bethany Edwards) กับเพื่อนร่วมงาน ใช้เวลานานมากกับการทดสอบอุปกรณ์ตรวจสอบการตั้งครรภ์มากมายหลายชนิด

เอ็ดเวิร์ดสและเพื่อนร่วมงานได้คิดค้น “ลีอา” (Lia) ชุดทดสอบการตั้งครรภ์แบบใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น เธอกล่าวว่า ทางบริษัท ลีอา ไดแอกโนสติกส์ (Lia Diagnostics) ของตน ได้คิดค้นที่ทดสอบการตั้งครรภ์ “ลีอา” ที่ทิ้งลงในโถชักโครกได้ เพราะย่อยสลายตามธรรมชาติ เเละได้รับการรับรองเเล้วจากองค์การอาหารเเละยาแห่งสหรัฐฯ (FDA)

ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ “ลีอา” เหมือนกับชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทั่วไปที่วิเคราะห์ตัวอย่างปัสสาวะเพื่อตรวจหาฮอร์โมนจากการตั้งครรภ์ H-C-G เเละให้ผลการตรวจที่ถูกต้องถึง 99 เปอร์เซ็นต์

เเต่ ลีอา แตกต่างไปจากชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทั่วไป ตรงที่ทำขึ้นจากกระดาษแทนพลาสติก

เอ็ดเวิร์ดส กล่าวว่า ทางบริษัทได้พัฒนาทางออกที่ดีขึ้นแก่ผู้หญิงและเป็นมิตรต่อโลก ผู้พัฒนาที่ทดสอบการตั้งครรภ์ “ลีอา” กล่าวว่า ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ “ลีอา” จะฉีกออกจากกันเหมือนกับกระดาษทิชชู่ห้องน้ำ เเละยังสามารถกดชำระทิ้งในถังชักโครกทั่วไป หรือเเม้เเต่ห้องน้ำแบบถังบำบัด

เอ็ดเวิร์ดสกล่าวว่า ทางบริษัทได้พัฒนาสารเคลือบของตนเองขึ้นมาเพื่อเคลือบให้กระดาษเเละวัสดุติดยึดกันในระหว่างการทดสอบ เเต่หลังการใช้งานจะกลายสภาพและฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเมื่อทิ้งลงไปในโถส้วม

ชุดทดสอบการตั้งครรภ์แบบกดทิ้งในถังชำระได้นี้ ช่วยให้ผู้ใช้รักษาความเป็นส่วนต้ว เอ็ดเวิร์ดกล่าวว่า มีผู้หญิงจำนวนมากที่เล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ส่วนตัวว่าต้องเอาที่ทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองไปแอบทิ้งในถังขยะสาธารณะ หรือไปทดสอบการตั้งครรภ์ในห้องน้ำสาธารณะ

ด็อกเตอร์ มีร่า ชาห์ แพทย์ด้านการเจริญพันธุ์ กล่าวว่า ชุดทดสอบการตั้งครรภ์แบบใหม่นี้จะช่วยให้ผู้หญิงรักษาความเป็นส่วนตัวของตนเอาไว้ เเละช่วยให้ผู้หญิงสามารถทดสอบการตั้งครรภ์เองๆ ได้ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการแทรกแซงจากภายนอก

นอกจากนี้ ราคา ยังเป็นปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งด้วย ด็อกเตอร์ ชาห์ กล่าวว่า บ่อยครั้งที่ตนองได้ยินว่าที่ทดสอบการตั้งครรภ์มีราคาแพง ซึ่งสำหรับผู้หญิงที่ไม่มีทางเข้าถึงการบริการด้านการเจริญพันธุ์ ราคาของที่ทดสอบการตั้งครรภ์อาจเป็นอุปสรรคได้

ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ “ลีอา” จะออกมาสู่ตลาดในช่วงไตรมาสที่สามของปีนี้ เเละจะขายที่ราคาระหว่าง 7 ถึง 8 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือราว 210 - 250 บาท

(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)