สำนักข่าวเอพีรายงานวันคืนวันพุธว่า ผลการตรวจชันสูตรศพของ จอร์จ ฟลอยด์ ชายอเมริกันเชื้อสายอาฟริกันวัย 46 ปี ผู้เสียชีวิตระหว่างการจับกุมของตำรวจนครมินนีแอโปลิส เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พบว่า เขาติดเชื้อโคโรนาไวรัส โควิด-19 แต่แพทย์ชี้ว่าโควิด-19 มิใช่สาเหตุการเสียชีวิตของฟลอยด์
รายงานการชันสูตรศพของฟลอยด์ ความยาว 20 หน้า เปิดเผยโดยสำนักงานตรวจสอบทางการแพทย์ของเขตเฮนเนพิน เคาน์ตี้ ระบุว่าฟลอยด์ตรวจพบเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 3 เมษายน แต่ไม่แสดงอาการ รายงานระบุด้วยว่าปอดของนายฟลอยด์แข็งแรงดี แต่มีเส้นเลือดหัวใจตีบในบางส่วน
ก่อนหน้านี้มีรายงานการชันสูตรของเขตเฮนเนพิน เคาน์ตี้ ระบุว่าพบสารเฟนทานิลและเมทแอมเฟตามีนในร่างกายของเขาเช่นกัน แต่มิได้ระบุว่าเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต
โดยรายงานชี้ว่า เขาเสียชีวิตจากอาการหัวใจวายขณะถูกจับกุม และจัดว่าเป็นการเสียชีวิตจากการฆาตกรรม
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ทางการรัฐมินนิโซตา ควบคุมตัว เดเรค ชอวิน อดีตตำรวจผิวขาวในเมืองมินนีแอโปลิส ผู้ที่ใช้เข่ากดคอ จอร์จ ฟลอยด์ จนเสียชีวิต โดยภาพจากวิดีโอแสดงให้เห็นว่านายชอวิน ใช้เข่ากดทับที่คอนายจอร์จ ฟลอยด์ ระหว่างจับกุมผู้ตายในข้อหาใช้ธนบัตรปลอม ทั้งที่นายฟลอยด์ถูกล็อคมือไขว้หลังไว้กับกุญแจมือ แม้ผู้ตายพยายามบอกกับนายชอวินว่า "หายใจไม่ออก" แล้วก็ตาม
และในวันนี้ อัยการสูงสุดของรัฐมินนิโซตา สั่งปรับข้อหาอดีตตำรวจผู้นี้ให้มีโทษหนักขึ้นจากเดิมที่ทางการตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อน (third degree murder) มาเป็นทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตโดยมีเจตนา แต่ไม่ได้วางแผนก่อนล่วงหน้า (second degree murder) ซึ่งจะทำให้เขาต้องรับโทษจำคุกสูงสุดถึง 40 ปี ซึ่งมากกว่าโทษเดิมถึง 15 ปี
พร้อมกันนี้ยังตั้งข้อหาอดีตตำรวจอีก 3 นายที่ปรากฏอยู่ในคลิปการเสียชีวิตของนายฟลอยด์ ได้แก่ นายโธมัส เลน, นายเจ.เอ. เกิง และนายโทว เถา ฐานร่วมมือและให้ความช่วยเหลือในการฆาตกรรม จากเดิมที่ทั้ง 3 ไม่ได้ถูกตั้งข้อหาใด ๆ