รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกโรงค้านแผนการบังคับใช้ พรบ.ปราบจลาจล (Insurrection Act) ที่จะเปิดทางให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งกำลังทหารเข้าควบคุมการประท้วงตามท้องถนนในหลายเมืองใหญ่ทั่วอเมริกา จากการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
นายมาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์เมื่อวันพุธว่าตนไม่สนับสนุนการใช้กำลังทหารเพื่อสลายการชุมนุมทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นแนวคิดของผู้นำสหรัฐฯในช่วงที่ผ่านมา และว่าวิธีดังกล่าวควรจะเป็นมาตรการสุดท้ายที่จะเลือกมาใช้หากสถานการณ์เลวร้ายเกินกว่าควบคุม แต่ในขณะนี้ยังไม่เป็นเช่นนั้น
นายเอสเปอร์ยังใช้เวทีนี้ขอประณามการใช้ความรุนแรงของตำรวจมินนีอาโปลิสที่นำไปสู่การเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ รวมทั้งหวังว่าการเดินขบวนเพื่อสะท้อนปัญหาการเหยียดเชื้อชาติสีผิวทั่วอเมริกาเป็นไปโดยสงบเรียบร้อย
ท่าทีของรัฐมนตรีกลาโหม สวนทางกับท่าทีของผู้นำสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ ที่ย้ำว่า หากเมืองหรือรัฐใดไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การประท้วงในแต่ละพื้นที่ได้ ตนจะส่งทหารแห่งกองทัพสหรัฐฯ เข้าไปเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
ในโอกาสนี้ นายเอสเปอร์ ยังกล่าวถึงการที่เขาปรากฏอยู่ในภาพถ่ายร่วมกับผู้นำสหรัฐฯ ณ โบสถ์ เซนต์ จอห์นส ในวันจันทร์ ไม่นานหลังจากเจ้าหน้าที่ความมั่นคงใช้แก็สน้ำตาสลายการชุมนุมในบริเวณ Lafayette Park เพื่อเปิดทางให้ผู้นำสหรัฐฯเดินเท้าจากทำเนียบขาวมาที่โบสถ์เพื่อการนี้ว่า ตนไม่ทราบมาก่อนว่าจะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของแผนการถ่ายรูปที่หน้าโบสถ์เซนต์จอห์นส พร้อมระบุว่า ตนพยายามแยกงานของกระทรวงกลาโหมออกจากเรื่องการเมืองมาตลอด แต่มักไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรนัก พร้อมยืนยันว่าการใช้กำลังสลายการชุมนุมในวันจันทร์ไม่ได้มาจากคำสั่งฝั่งเพนตากอนแต่อย่างใด
ด้านสำนักข่าว Associated Press รายงานในวันพุธว่า ผู้นำสหรัฐฯ มีท่าทีอ่อนลงต่อแผนการส่งทหารสลายการชุมนุม และรายงานจากเจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาว ที่ระบุว่าการควบคุมการประท้วงเป็นบทบาทหน้าที่ของผู้ว่าการรัฐในการรักษาความสงบเรียบร้อยของแต่ละพื้นที่
